นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยผลการดำเนินงาน 3 ไตรมาสแรกของปีบัญชี 2566 (1 เมษายน – 31 ธันวาคม 2566) ว่า ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจในภาคชนบทระหว่างปีไปแล้วจำนวน 614,131 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง จำนวน 1.66 ล้านล้านบาท เติบโตจากต้นปีบัญชี จำนวน 27,641 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 78.97% ของเป้าหมาย
ขณะที่ยอดเงินฝากสะสม 1.82 ล้านล้านบาท มีสินทรัพย์ จำนวน 2.24 ล้านล้านบาท หนี้สินรวม 2.09 ล้านล้านบาท และส่วนของเจ้าของ 1.55 แสนล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 6,197 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ขณะที่ NPLs อยู่ที่ 5.43% ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าสิ้นปีบัญชีจะลดลงต่ำกว่า 5% ตามเป้าหมาย
สำหรับปีบัญชี 2566 ธ.ก.ส. มุ่งเน้นการขับเคลื่อนภารกิจสู่การเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ที่มุ่งยกระดับเกษตรกรในทุกมิติผ่านโครงการ D&MBA (Design and Management By Area) โดยร่วมมือกับพันธมิตรและเครือข่ายในการให้ความรู้เพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเกษตรกร นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาสู่การทำการเกษตรสมัยใหม่ หรือเกษตรอัจฉริยะ ที่สามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
ทั้งนี้ สามารถพัฒนาลูกค้าและชุมชนไปแล้ว 8,889 ราย (จากเป้าหมาย 6,080 ราย) การพัฒนาชุมชนต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงภายใต้หลัก BCG ซึ่งมีชุมชนเข้าร่วมโครงการแล้ว 181 ชุมชน และการพัฒนาความรู้ด้านการเงินและดิจิทัล โดยส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไปแล้วจำนวน 130,000 ราย
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้สินและการฟื้นฟูอาชีพ เพื่อช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีโอกาสในการลดภาระหนี้สิน มีรายได้ที่มั่นคง สามารถก้าวพ้นกับดักหนี้ได้อย่างยั่งยืน โดยสามารถลดหนี้ได้แล้วกว่า 43,189 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระหนี้ผ่านโครงการชำระดีมีโชค โดยจูงใจให้ลูกค้าชำระหนี้ตรงตามกำหนดเวลา ซึ่งดอกเบี้ยและเงินต้นที่ชำระจริงทุก ๆ 1,000 บาท
ด้านการบริหารจัดการทั้งหนี้ในและนอกระบบ โดยเฉพาะการบริหารจัดการหนี้ทั้งระบบ เพื่อลดปัญหาหนี้เสียและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกค้า ทำให้การเป็นหนี้ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ผ่านโครงการหนี้นอกบอก ธ.ก.ส. โดยสามารถแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เกษตรกรลูกค้าและบุคคลในครัวเรือนให้กลับเข้ามาอยู่ในระบบของ ธ.ก.ส. ไปแล้วกว่า 712,518 รายเป็นเงินกว่า 60,355 ล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ภารกิจตามนโยบายรัฐบาล ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/2567 โดยจ่ายเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงไปแล้ว 50,532 ล้านบาท เกษตรกรได้รับประโยชน์ จำนวน 4.35 ล้านราย
“มาตรการในการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย ที่มีหนี้รวมต้นคงค้างทุกสัญญา ณ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท โดยปัจจุบันมีลูกค้าแจ้งความประสงค์สอบทานสิทธิ์เข้าร่วมแล้วกว่า 1,680,406 ราย”
ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดลด PM 2.5 ไปแล้ว 7,412 ล้านบาท เกษตรกรได้รับประโยชน์ 1.2 แสนราย