เป้าหมายการท่องเที่ยวไทยปีนี้ ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 35 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัด 3 ล้านล้านบาท ล่าสุดมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 49% โดยมีปัจจัยบวกจากการออก “วีซ่าฟรี” ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน รวมการขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซียด้วย
นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) หรือ “ซุปเปอร์ริชสีส้ม”เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความต้องการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศต้นปีนี้พบว่า ดอลลาร์ไต้หวันตีตื้นขึ้นมาจากนโยบายฟรีวีซ่า คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนสกุลเงินที่ยังนิยมแลกซื้อยังอยู่ในสกุลเงินหลักเช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เงินเยน
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมในปีก่อนอยู่ที่ 83,000 ล้านบาท สกุลเงินยอดนิยมได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์ไต้หวัน ออสเตรเลีย ดอลลาร์สิงคโปร์ หยวน ปอนด์และสวิสฟรังส์
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมช่วงไฮซีซันที่ผ่านมาพบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวยังเข้ามาน้อย แม้รัฐบาลเริ่มโครงการ ฟรีวีซ่า คาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนกว่าจะเห็นผลการตอบรับโปรแกรมดังกล่าว ดังนั้นปริมาณธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศยังไม่กลับมาคึกคักเท่าที่ควร แต่แนวโน้มระยะข้างหน้า หากสถานการณ์การเมืองในประเทศนิ่ง บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาเป็นบวกมีโอกาสจะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในปีนี้ 34-35 ล้านคนตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้
ในส่วนของซุปเปอร์ริชพบว่า 2 เดือนที่ผ่านมา การทำธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศเทียบกับปีก่อนเติบโตขึ้นกว่า 10% ต่อเดือนปริมาณธุรกิจอยู่ที่ 8,000 ล้านบาทจากปีก่อนไม่ถึง 7,000 ล้านบาท หากปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ตามเป้าหมายคาดว่าปริมาณธุรกรรมจะเพิ่มได้ถึง 9,000-10,000 ล้านบาทต่อเดือนหรือเติบโตราว 20% เท่ากับเป็นระดับที่ใกล้เคียงก่อนโควิด
สำหรับฐานลูกค้าคนไทย หลังการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้อย่าง ทราเวล การ์ด จากสถิติที่ซุปเปอร์ริชจัดเก็บหลังโควิด-19 สัดส่วนลูกค้าคนไทยอยู่ที่ 35% และต่างชาติ 65% จากก่อนหน้าโควิด-19 ลูกค้าคนไทยมีสัดส่วนประมาณ 70% และต่างชาติ 30% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ยังพออยู่ได้และสามารถทำกำไรได้
ส่วนนโยบายสาขาปีนี้ นายปิยะกล่าวว่า ทั้งปีนี้น่าจะมีสาขาไม่เกิน 40 สาขา จากปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 34-35สาขา โดยสิ่งที่ดีคือ ซุปเปอร์ริชสีส้มได้สิทธิในการบริหารจัดการร้านแลกเงิน ร้านเดียวบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ภายหลังจากเซ็นสัญญากับบริษัทลูกของบีทีเอส และให้บริการภายใต้ชื่อ “Superrich Turtle” โดยอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่สัญจรไปมาใจกลางเมืองด้วย
ในส่วนของสาขาต่างจังหวัดนั้น มีแนวคิดที่จะทำเป็น “ซุปเปอร์ริช แอนด์เฟรนด์” โดยผู้สนใจสามารถสมัครเป็นพันธมิตรเพื่อเปิดร้านแลกเงิน (เป็นบูธขนาดเล็ก) ในท้องถิ่นหรือพื้นที่ต่างจังหวัด เป็นแนวคิดในการขยายธุรกิจใหม่หรือ New S Curve เพื่อลดต้นทุน โดยอนุญาตให้พันธมิตรในท้องถิ่นใช้ชื่อซุปเปอร์ริชสีส้มในการทำธุรกิจร้านแลกเงินภายใต้แบรนด์ “ซุปเปอร์ริช แอนด์เฟรนด์”
ขณะที่ซุปเปอร์ริชสีส้มจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำหรือเป็นพี่เลี้ยงตั้งแต่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจเช่น วิธีและขั้นตอนขอรับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมลงระบบซอฟต์แวร์หรือระบบแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ รวมทั้งอบรมการทำ KYC หรือตรวจสอบรายชื่อลูกค้า โดยซุปเปอร์ริชสีส้มเก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าและแบ่งผลกำไรในสิ้นปี เบื้องต้นจะเปิดให้บริการ 2 แห่งคือ สมุยกับภูเก็ต
นายปิยะกล่าวถึง Key Success ของธุรกิจแลกเงินว่า ซุปเปอร์ริชสีส้มยึดมั่นเป็นหลักการตั้งแต่เริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจคือ ความสะดวก จนกระทั่งธุรกิจเติบโตได้ดีและมีคนทำตาม แต่ปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันร้านแลกเงินสูงขึ้น ซึ่งยอมรับว่า ผู้ประกอบธุรกิจร้านแลกเงินที่เป็นนอนแบงก์อาจจะเสียเปรียบธนาคารพาณิชย์บ้างอย่างเรื่องดิจิทัล ที่ธนาคารพาณิชย์ได้เปรียบเรื่องนวัตกรรมและเรื่องกฎระเบียนที่เปิดกว้างกว่าหลายเรื่อง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,973 วันที่ 10 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2567