เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ทะลุแนว 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันนี้ (3 ต.ค.) โดยเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.02-33.04 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์
นักวิเคราะห์ระบุหลายปัจจัยกดดันค่าเงินบาท พร้อมแนะผู้ประกอบการและนักลงทุนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.92 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 32.74 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมเตือนให้ระวังความผันผวนในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินหยวนและเงินเยน ประกอบกับมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก สวนทางกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น
1. เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น หลังจากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ (ADP) ออกมาดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 128,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจาก 103,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม สะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง
2. นักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้มียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 5,361.17 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,435 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการขายสุทธิกว่า 8,700 ล้านบาท
3. ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่งผลให้นักลงทุนเลือกถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าความกังวลนี้อาจใช้เวลา 1-2 สัปดาห์กว่าจะเริ่มคลี่คลาย
4. เงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นายเรียวเซ อากาซาวะ กล่าวว่า มีอีกหลายเงื่อนไขที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต้องพิจารณาก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตลาดตีความว่า BOJ อาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
5. ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง กดดันค่าเงินบาท แม้ว่าราคาทองคำจะได้รับแรงหนุนบางส่วนจากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 4.2% ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางค่าเงินในระยะสั้น
1. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ
2. สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค
3. ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
4. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการเดือนกันยายน และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนสิงหาคม
5. รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB
นักวิเคราะห์คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.90-33.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนะนำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options หรือสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน