เปิด5สาเหตุเงินบาทอ่อนทะลุ 33 บาท พร้อม5สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

03 ต.ค. 2567 | 04:23 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ต.ค. 2567 | 04:36 น.

เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 33 บาทต่อดอลลาร์ นักวิเคราะห์เปิด 5 สาเหตุและคาดการณ์ 5 สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เงินบาทอ่อนทะลุ 33 บาท/ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้หลายปัจจัยกดดัน คาดกรอบวันนี้ 32.90-33.15 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ทะลุแนว 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันนี้ (3 ต.ค.) โดยเคลื่อนไหวที่ระดับ 33.02-33.04 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้า อ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์

นักวิเคราะห์ระบุหลายปัจจัยกดดันค่าเงินบาท พร้อมแนะผู้ประกอบการและนักลงทุนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 32.92 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ 32.74 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมเตือนให้ระวังความผันผวนในช่วงที่ตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย นำโดยเงินหยวนและเงินเยน ประกอบกับมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก สวนทางกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น

ภาพประกอบข่าวค่าเงินบาทอ่อน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่า:

1. เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น หลังจากรายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ (ADP) ออกมาดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 128,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจาก 103,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม สะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง

2. นักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้มียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 5,361.17 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,435 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการขายสุทธิกว่า 8,700 ล้านบาท

3. ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่งผลให้นักลงทุนเลือกถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย โดยนักวิเคราะห์คาดว่าความกังวลนี้อาจใช้เวลา 1-2 สัปดาห์กว่าจะเริ่มคลี่คลาย

4. เงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นายเรียวเซ อากาซาวะ กล่าวว่า มีอีกหลายเงื่อนไขที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต้องพิจารณาก่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ตลาดตีความว่า BOJ อาจจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

5. ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลง กดดันค่าเงินบาท แม้ว่าราคาทองคำจะได้รับแรงหนุนบางส่วนจากความกังวลต่อสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 144,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 4.2% ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางค่าเงินในระยะสั้น

นักวิเคราะห์แนะนำให้ติดตามปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่อค่าเงินบาท ได้แก่:

1. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ

2. สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค

3. ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

4. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันนี้ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการเดือนกันยายน และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนสิงหาคม

5. รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB

นักวิเคราะห์คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.90-33.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนะนำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options หรือสกุลเงินท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน