สินเชื่อรวมของธนาคารพาณิชย์ไทย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 หดตัวลง 272,355 ล้านบาท หรือ -1.87% จากสิ้นปี 2566 สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าและความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร โดย 8 จาก 11 ธนาคารมีสินเชื่อหดตัว
"ฐานเศรษฐกิจ"ตรวจสอบ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 แห่งที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) พบว่า ในช่วง 9 เดือน 2567 ที่ผ่านมามี 7 ธนาคารที่สินเชื่อลดลง เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 เรียงตามมูลค่าที่ลดลง ดังนี้
ลดลง 12,366 ล้านบาท (-0.5%)
7. ธนาคารทิสโก้ (TISCO)
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) มีอัตราการหดตัวสูงที่สุดที่ -6.6% ขณะที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) มีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ +3.43%
เมื่อพิจารณาจาก 5 ธนาคารขนาดใหญ่ (BBL, KTB, SCBX, KBANK, BAY) มีสินเชื่อรวมกันกว่า 12 ล้านล้านบาท คิดเป็นกว่า 84% มูลค่าสินเชื่อที่ลดลงรวม 272,355 ล้านบาท มาจากการลดลงของ BAY, TTB และ KBANK รวมกันถึง 218,959 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของยอดลดลงทั้งระบบ
เมื่อพิจารณาจากเหตุผลประกอบรายงานผลประกอบการของ 11 ธนาคารพบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยหดตัว มาจาก ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึง ประกอบกับสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่และความท้าทายจากการขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ ธนาคารยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อรายใหม่มากขึ้น เน้นการเติบโตอย่างระมัดระวังและมีคุณภาพ
สินเชื่อรายย่อยได้รับผลกระทบชัดเจน โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่หดตัวมาก สะท้อนจากข้อมูล KKP ที่สินเชื่อเช่าซื้อลดลง 8.5% ขณะที่สินเชื่อบุคคลชะลอตัว ยกเว้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยระดับบนที่ยังเติบโตได้
ด้านสินเชื่อธุรกิจ SME ก็ได้รับผลกระทบหนัก โดย KKP รายงานสินเชื่อ SME หดตัว 5.4% และ SCBX รายงานสินเชื่อ SME ลดลง 2.3% ส่วนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ก็ชะลอตัวเช่นกัน โดย BAY รายงานสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ลดลง 2.9%
ภาพรวมการหดตัวของสินเชื่อสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ท่ามกลางความกังวลเรื่องคุณภาพสินเชื่อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่เต็มที่ หลายธนาคารเน้นการบริหารคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าการเติบโต และมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับ NPL ที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต
สถานการณ์นี้สะท้อนว่าธนาคารพาณิชย์ไทยกำลังเผชิญความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอก และการปรับตัวภายใน เกี่ยวกับนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อรายย่อยและ SME ที่ได้รับผลกระทบชัดเจนที่สุด