หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มีมติ 5ต่อ2 ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก2.50% เป็น 2.25% ต่อปี (มีผลทันที) ถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี
เสียงส่วนใหญ่ต้องการช่วยบรรเทาภาระหนี้โดยไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงอยู่ในระดับที่ยังเป็นกลางและสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจเมื่อวันที่16ตุลาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 18 ตุลาคม ธนาคารออมสินประกาศดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.25% ตามโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ประกอบด้วย ดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) ลดลงเหลือ 6.900% ต่อปี และดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดลงเหลือ 6.745% ต่อปี
ในวันเดียวกัน (18 ตุลาคม) ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) สถาบันการเงินหลักปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยได้ ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25%เช่นกันโดยมีผล1พ.ย.นี้เช่นกัน ซึ่งคาดว่าเป็นแรงส่งที่ดีในช่วงสินเชื่อใหม่และคนผ่อนบ้านและต่อยอดการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่รัฐบาลออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายอิสระ บุญยัง ประธานกรรมการ บริษัท กานดาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และ ในเครือและประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า
การลดดอกเบี้ยของกนง.มองว่าเป็นเรื่องที่ดีมีผลทำให้ เงินบาทอ่อนค่า ส่งสัญญาณบวกต่อภาคส่งออก ท่องเที่ยว รวมถึงการกลับมาโอนคอนโดมิเนียมของลูกค้าต่างชาติ
ขณะการลดดอกเบี้ยเชื่อว่าจะทยอยลดดอกเบี้ยลง สำหรับแบงก์พาณิชย์หลังแบงก์รัฐประกาศลดดอกเบี้ย แต่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังกังวลเรื่องการปล่อยกู้สินเชื่อใหม่ ซึ่งมองว่ายังเข้มงวดทั้งแบงก์รัฐและแบงก์พาณิชย์ แต่ ช่วงเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณที่ดีแบงก์พาณิชย์ได้เริ่มพูดคุยการปล่อยสินเชื่อกับผู้ประกอบการมากขึ้น ซึ่งมองว่าน่าจะเกิดการแข่งขันในช่วงโค้งท้ายปี
เอกชนยังหวังจะเกิดการแข่งขันลดดอกเบี้ยและปล่อยสินเชื่อมากขึ้น สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อช่วงโค้งท้ายปีได้
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลเตรียมเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นมาตรการต่อเนื่องมาจากครั้งที่แล้ว อย่าง สินเชื่อดี๊ดีย์ และสินเชื่อ Happy Homeของธอส. ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น
ทั้งสินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือคอนโดมีเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท
รวมถึงสินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มเพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่อง มองว่าเป็นเรื่องที่ดีและจะช่วยประคองให้ตลาดเดินหน้าต่อไป