ในการลงทุน เราใช้ในการวางกลยุทธ์การลงทุนว่าการตัดสินใจซื้อ ขาย หรือรอนั้นด้วยคาดว่าผลที่ตามมานั้นคืออะไร โดยเทียบเคียงกับข้อมูลเก่าอย่างไร ใช้ติดตามผลการลงทุนว่าพอร์ตที่ยังไม่โตนี้มีเงื่อนไขในการตัดสินใจซื้อขายแบบนี้ต้องปรับปรุงเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมหรือไม่เกิดจากตรรกะเชื่อมโยงเหตุผลที่ไม่ถูกต้อง หรือ สภาพตลาดที่ไม่เหมาะสมเอง และไม่สามารถควบคุมได้
การคิดแบบวิเคราะห์
คิดแบบวิพากย์
และคิดเชิงตรรกะ เพื่อสร้างสรรค์ความเข้าใจนี้แล้วจึงกำหนดสิ่งที่เราต้องทำให้สอดคล้องกับระบบ
ในด้านการลงทุน เราต้องทำความเข้าใจวงจรเศรษฐกิจ ขาขึ้น ขาลง ผลกระทบจากการเมือง และ กระแสสังคม ที่มีผลต่อสินทรัพย์ที่เราจะลงทุน เพื่อที่จะคาดการณ์ และ กำหนดทิศทางการลงทุนได้ ปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงของวงจรเศรษฐกิจได้
กำไรอยากเทรดอีก
ขาดทุนแล้วอยากเอาคืน
ดีใจมีความสุขจากการได้กำไร
เสียใจตกใจในช่วงที่ผิดหวัง หรือ ตลาดผันผวน
แล้วคิดการจัดการอารมณ์ของตนเอง ว่าจะทำอย่างไรให้
ปฏิบัติการได้ตามแผน
ไม่กลัวตกรถ
ไม่ขายหมู
ไม่ถือจนขาดทุน
รวมไปถึง เมื่อเราเข้าใจถึงอารมณ์และจับความรู้สึกของตนเองได้แล้ว เราก็จะเข้าใจอารมณ์ของผู้เล่นในตลาดคนอื่นๆ หรือ อารมณ์ตลาดตามมาได้ด้วย เพราะเราทราบอยู่แล้วว่า
ตลาดมักให้รางวัลกับคนส่วนน้อย
ทำอย่างไรถึงจะเข้าใจคนส่วนน้อยได้ ในขณะที่เราเป็นคนปกติ
แน่นอนว่าระบบเศรษฐกิจนั้นมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และ ประวัติศาสตร์นั้นไม่ซ้ำรอยเดิมเสียทุกครั้ง ผลที่ตามมาอาจมีหลายรูปแบบ
การมีการคิดแบบประยุกต์ปรับตัว (Adaptive thinking) ก็เป็นอีกทักษะหนึ่งที่ได้รวบทุกวิธีคิดด้านบนเอามาใช้ในเวลาที่วิกฤติ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และคาดการณ์ได้ยาก โดยเฉพาะเวลาที่จำกัด และ การลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก อารมณ์ และ ฮอร์โมนจะทำให้ความสามารถในการคิดของเราแย่ลงและมีแนวโน้มจะทำตามสัญชาติญาณมากกว่า ซึ่งถ้าได้ฝึกสัญชาติญาณมาดี ย่อมมีความได้เปรียบและ เอาตัวรอดได้ดีขึ้น
ตัวอย่างการฝึกก็เช่น จินตนาการถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดในทุกการตัดสินใจเสมอ(worst case scenario) เพื่อวางแผนการตัดสินใจและความรู้สึก ไว้ก่อนเกิดกรณีฉุกเฉิน ฝึกการตัดสินใจในเวลาที่จำกัด ฝึกสมาธิผ่านการทำงานเช่น วาดรูป เขียนบรรยายสรุปบทความ หรือ บันทึกส่วนตัว ในเวลาจำกัด เพื่อให้เข้าถึงสมาธิได้ง่ายขึ้นในเวลาฉุกเฉิน และ สามารถหาข้อสรุปของการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วได้ผลที่แม่นยำมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า การคิดนั้น ประกอบด้วย การคิดย่อยๆ หลายรูปแบบประกอบกันอยู่ ในขณะที่เราเริ่มคิดเรื่อยเปื่อยหลงทางนั้น ถ้าเราระลึกได้ว่า เรากำลังคิดรูปแบบใดอยู่ หรือกำลังคิดแต่เรื่องอารมณ์ มันก็จะง่ายขึ้นที่เราจะดึงการคิดการทำงานกลับเข้าทาง ได้รวดเร็ว ทั้งหมดก็จะยิ่งเพิ่มพูน ทักษะ ประสบการณ์ ให้เราชำนาญด้านการลงทุนได้มากขึ้น วินัยดีขึ้น และ “คิดให้รอบด้าน” ต่อไปครับ