ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,153.91 จุด เพิ่มขึ้น 108.82 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,012.32 จุด เพิ่มขึ้น 21.27 จุด หรือ +0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,590.40 จุด เพิ่มขึ้น 83.33 จุด หรือ +0.72%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยในระหว่างวันตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 192,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 โดยระบุว่า ตัวเลข GDP ขยายตัว 2.7% ซึ่งแม้ว่าต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่มีการขยายตัว 2.9% แต่ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัว โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 1.30% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดีดขึ้น 0.92% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.37% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.46%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.4% หลังมีรายงานว่าเน็ตฟลิกซ์จะปรับลดค่าบริการสำหรับสมาชิกใน 30 ประเทศ
หุ้นโมเดอร์นา ดิ่งลง 6.7% หลังจากบริษัทคงตัวเลขคาดการณ์ยอดขายปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 5 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่ายอดขายในไตรมาส 4/2565 จะออกมาสูงกว่าคาดก็ตาม
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยดัชนี PCE สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดัชนี PCE ประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย