ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,274.58 จุด เพิ่มขึ้น 221.71 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 44.06 จุด หรือ +1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,061.47 จุด เพิ่มขึ้น 210.23 จุด หรือ +1.64%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 อย่างไรก็ดี เฟดยอมรับว่าภาวะการเงินที่มีความตึงตัวมากขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กรรมการเฟดจะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน แม้ยังไม่มั่นใจว่าภาวะการเงินในขณะนี้มีความเข้มงวดมากพอที่จะทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับต่ำตามที่เฟดต้องการหรือไม่
ไมเคิล เจมส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Wedbush Securities กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวผันผวนในช่วงแรกที่นายพาวเวลแถลงข่าว แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก เนื่องจากนายพาวเวลไม่ได้ยืนกรานว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน เหมือนกับที่เขาเน้นย้ำในการแถลงข่าวครั้งที่แล้ว
ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัท Spartan Capital Securities แสดงความเห็นว่า แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดและนายพาวเวลสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย (Dovish) นอกจากนี้ การที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้ง นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ยุติลงแล้ว
บรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 นั้น ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยปรับตัวขึ้น 2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารดีดตัวขึ้น 1.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.3% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.06%
ตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับการประมูลพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
ราคาน้ำมัน WTI ปิดหลุด 81 ดอลล์ เหตุดอลล์แข็ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (1 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทองคำนิวยอร์กลบ 6.80 ดอลล์ ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (1 พ.ย.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,987.50 ดอลลาร์/ออนซ์