ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,612.24 จุด เพิ่มขึ้น 48.44 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,981.80 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,580.87 จุด ลดลง 49.91 จุด หรือ -0.32%
เจสัน แวร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Albion Financial Group กล่าวว่า "ที่ผ่านมานั้นตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสความนิยมในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงทำให้นักลงทุนจับตาผลประกอบการของอินวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่ารายได้จากชิป AI จะยังคงทำให้อินวิเดียรั้งสถานะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้หรือไม่"
ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 2.85% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ
ในปีนี้ ราคาหุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้นเกือบ 40% ซึ่งทำให้หุ้นอินวิเดียปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในดัชนี S&P500 หลังจากทะยานขึ้นเกือบ 240% ในปี 2566 ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายกังวลว่า ราคาหุ้นของอินวิเดียอาจจะร่วงลงอย่างหนักหากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงหากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป และกรรมการเฟดยังคงไม่มั่นใจว่าควรจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไปอีกนานเท่าใด
รายงานการประชุมระบุว่า "กรรมการเฟดได้มีการหารือกันเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงิน และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอาจจะอยู่ในระดับสูงสุดแล้วสำหรับวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงินในรอบนี้ นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย จนกว่าจะมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน"
ทั้งนี้ หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.86% และดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 1.36% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง 0.76%
หุ้นอะเมซอนปิดตลาดขยับขึ้น 0.9% หลังจากเอสแอนด์พี ดาวโจนส์ อินดิซีส (S&P Dow Jones Indices) ประกาศว่า หุ้นของบริษัทอะเมซอนจะเข้าแทนที่หุ้นของบริษัทวอลกรีนส์ บู๊ทส์ อลิอันซ์ (Walgreens Boots Alliance) ในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ โดยจะมีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.พ.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.พ.จากเอสแอนด์พี โกลบอล และยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค.