WEH แจงยิบ โครงสร้างผู้ถือหุ้น มั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง

27 มี.ค. 2567 | 10:14 น.

“วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ์ง” หรือ WEH แจงความวุ่นวายของบริษัท เกิดจากข้อพิพาทระหว่างบุคคลภายนอกที่พาดพิง มี 3 กลุ่มเหตุการณ์ ล้วนเกิดจากผู้ถือหุ้น กลุ่ม 1 ทั้งสิ้น แต่เริ่มนิ่งหมดแล้ว ชี้ตราสารการโอนหุ้นทุกฉบับชอบด้วยกฎหมาย

ปัญหาหุ้นบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)หรือ WEH ยังตีกันวุ่น หลังนายวิษณุ เทพเจริญ รักษาการประกาศเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่งขอให้เพิกถอนสัญญา:ซื้อขายหุ้น WEH ด้วยวิธีการแลกหุ้น (Share Swap)

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WEH เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยืนยันว่า หุ้น WEH ที่ NUSA เข้าซื้อและถือครองอยู่ในปัจจุบัน เป็นหุ้นที่ไม่มีข้อพิพาทใดๆ ธุรกรรมการซื้อหุ้น WEH สมบูรณ์ด้วยกฎหมาย และเชื่อว่า NUSA ทราบชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าหุ้น WEH ที่ซื้อไปจากธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง มีสถานะปกติ ปราศจากข้อพิพาท เพราะตรวจสอบหลายด้านก่อนเข้าซื้อทั้ง การสอบทานธุรกิจ (due diligence), ตั้งทนายตรวจสอบกรรมสิทธิ์ในหุ้น WEH ที่นำมาเสนอขายทุกรายการ นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WEH

 

 นอกจากนั้นก่อนที่จะมีการแลกหุ้นกัน ยังมีการประกาศหาผู้คัดค้านก่อนเข้าซื้อ โดยเผยแพร่รายชื่อผู้ขายหุ้นและหมายเลขหุ้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน และยังทำหนังสือมาให้บริษัทฯ ให้ข้อมูลหุ้นที่มีข้อพิพาท ซึ่งบริษัทฯ ทำหนังสือตอบกลับไปอย่างเป็นทางการ ระบุหมายเลขหุ้นที่มีคดีพิพาท

“หุ้นของ WEH ไม่มีแม้แต่หุ้นเดียวที่เข้าสู่การซื้อขายกับ NUSA จน NUSA ทำหนังสือยืนยันไปยังตลหลักทรัพย์ฯว่า หุ้น WEH ที่จะซื้อขายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ภายใต้ข้อพิพาทที่มีการฟ้องร้องกันทั้งในชั้นศาล และอนุญาโตตุลาการ อันจะส่งผลถึงกรรมสิทธิ์ถึงหุ้น WEH ที่จะซื้อขาย ดังน้้นยืนยันกระบวนการแลกหุ้นเสร็จสมบูรณ์ ไม่สามารถยกเลิกได้” นายณัฐพศินกล่าว

WEH แจงยิบ โครงสร้างผู้ถือหุ้น มั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง

นายณัฐพศินยืนยันว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้น WEH ในปัจจุบันแข็งแกร่งต่อเนื่อง ทิศทางการบริหารงานจึงเป็นเอกภาพ กรรมการบริษัทฯ ทุกท่านดำรงตำแหน่งเป็นเวลาต่อเนื่อง ส่วนข้อพิพาทระหว่างบุคคลภายนอก ที่พาดพิงบริษัทฯได้รับการตัดสินจากศาลหรือมีข้อสรุปทางคดีทั้งหมดแล้ว โดยตราสารการโอนหุ้นตลอด 15 ปี ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ จนถึงปัจจุบันเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายทุกฉบับ จากการประเมินของฝ่ายกฎหมาย ไม่พบปัจจัยใด ที่จะเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นไปอย่างมีนัยสำคัญจากปัจจุบัน 

นายณัฏฐ์ธฤต อยู่ดี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย WEH กล่าวว่า WEH มีทุนจดทะเบียน 1,080 ล้านบาท จำนวน 108 ล้านหุ้น หุ้นทุกใบระบุชื่อผู้ถือ โดยผู้ถือหุ้นแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 สัดส่วน 59.46% คิดเป็น 64 ล้านหุ้น เดิมถือครองโดยบริษัท REC ของกลุ่มนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ต่อมาเปลี่ยนมือมาเป็นบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด (KPNET) ในปี 2558 และเปลี่ยนมือมายังนายเกษม ณรงค์เดชในปี 2559 

นายณัฏฐ์ธฤต อยู่ดี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย WEH

ปัจจุบัน ณ วันที่ 29 ม.ค.2567) หุ้นกลุ่มที่ 1 ถือครองโดยบริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด(GML) 37.87% นายประเดช กิตติอิสรานนท์ 11.81% กลุ่มอดีตผู้บริหารของบริษัทฯ 3.75% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 36 ราย รวมเป็นสัดส่วน 6.03%

ส่วนหุ้นกลุ่มที่ 2 สัดส่วน 40.54% คิดเป็น 44 ล้านหุ้น เดิมถือครองโดยกลุ่มกิตติอิสรานนท์มีการเปลี่ยนมือกันตามปกติ ไม่มีข้อพิพาทใดๆ ปัจจุบันถือครองโดยบริษัท ธนา พาวเวอร์ วัน จำกัด 26.65%  NUSA  7.12% บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ถือหุ้นในสัดส่วน 3.87% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 91 ราย ถือหุ้นรวม 2.90%

“ยอมรับว่าข้อพิพาทของบุคคลภายนอก ที่พาดพิงถึงบริษัทฯ อยู่บ่อยครั้ง เป็นข่าวใหญ่มาตลอด เพราะเป็นเรื่องของบุคคลผู้มีชื่อเสียง แต่เป็นประเด็นพาดพิงเฉพาะหุ้นกลุ่มที่ 1 เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ และไม่เกี่ยวข้องการดำเนินการหรือมีผลผูกพันใดๆ กับบริษัทฯ” นายณัฏฐ์ธฤต กล่าว

รายชื่อผู้ถือหุ้น วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ณ 29 ม.ค. 2567

ทั้งนี้ ฝ่ายกฎหมาย ได้ติดตามกลุ่มเหตุการณ์ข้อพิพาทของบุคคลภายนอกที่พาดพิงบริษัทฯทั้งหมด โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มเหตุการณ์ และประเมินผลกระทบเป็นระยะๆ ขณะนี้ภาพรวมทุกกลุ่มเหตุการณ์นิ่งหมดแล้ว และไม่มีผลกระทบกับบริษัทฯ มีเพียงคำสั่งศาลให้ปฏิบัติตามในฐานะนายทะเบียนบ้างเท่านั้น ในคดีของ NUSA ศาลนัดไต่สวนเดือนหน้า คาดว่าอีก 1-2 น่าจะจบ

  • กลุ่มเหตุการณ์ที่ 1 ข้อพิพาทบุคคลภายนอก เรื่องการชำระเงินซื้อขายบริษัท REC โดยระหว่างปี 2558 - 2560 กลุ่มนายนพพรได้ขายบริษัท REC (ถือครองหุ้น WEH 59.46%) ให้กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช และเปลี่ยนชื่อจาก REC เป็น KPNET แต่เกิดข้อพิพาทการชำระเงินซื้อขาย REC นำไปสู่คดีความระหว่าง 2 ฝ่าย ในฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ และไทย

ในปี 2559 ที่อยู่ระหว่างข้อพิพาทการชำระเงิน REC บริษัท KPNET ได้โอนหุ้น WEH ทั้งหมด ไปยังผู้รับโอนในชื่อนายเกษม ณรงค์เดช และจากนายเกษม มีการโอนหุ้นออกไปยังผู้รับโอนอื่นๆ อีกหลายทอดเหตุการณ์นี้ ทำให้กลุ่มนายนพพรฟ้องร้องเป็นคดีสมคบคิดต่อศาลอังกฤษ และฟ้องร้องคดีโกงเจ้าหนี้ต่อศาลไทย

สถานะปัจจุบัน ทั้ง 2 คดี ได้รับการตัดสินแล้ว โดยศาลอังกฤษตัดสินให้นายนพพรได้รับชำระเงินค่าเสียหายรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนศาลไทยตัดสินยกฟ้องคดีโกงเจ้าหนี้ ทั้งนี้ ทั้ง 2 คดีดังกล่าว ไม่มีผลผูกพันใดๆ กับบริษัทฯ เพราะไม่มีความเกี่ยวข้อง

  • กลุ่มเหตุการณ์ที่ 2 ข้อพิพาทบุคคลภายนอก คดีแพ่งและคดีอาญา ที่นายเกษม ณรงค์เดช เป็นโจทก์ในคดีแพ่ง และโจทก์ร่วมในคดีอาญา ฟ้องบุคคลภายนอกอื่นๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ

โดยกลุ่มเหตุการณ์นี้ เกิดช่วงปี 2561 หลังจากนายเกษม ตกเป็นจำเลยร่วมในคดีสมคบคิดในศาลอังกฤษ และคดีโกงเจ้าหนี้ในศาลไทย เพราะมีชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นมาจาก KPNET ต่อมาในปี 2562 นายเกษมได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง พ.1031/2562 เรียกทรัพย์คืน โดยมีหุ้น WEH เป็น 1 ในรายการตามคำขอ สถานะปัจจุบันคดีสิ้นสุด เพราะโจทก์ถอนฟ้อง

คดีแพ่งที่ยังมีผลอยู่ปัจจุบัน คือ คดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.978/2565 ที่นายกฤษณ์ ณรงค์เดช และนายกรณ์ ณรงค์เดช เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องเรียกหุ้น WEH คืนจาก GML จำนวน 31 ล้านหุ้น จากทั้งหมดที่ GML ถือครอง 41 ล้านหุ้น (GML ถือครองหุ้น WEH ในสัดส่วน 37.87% )

สถานะปัจจุบันศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้จำหน่ายจ่ายโอน และให้อายัดเงินปันผลหุ้น WEH ที่ GML ถือครองอยู่ 37.87%ทั้งหมด โดยศาลสั่งให้บริษัทฯ นำเงินปันผลทั้งหมดของ GML ไปวางไว้ที่ศาลตามคำสั่งคุ้มครองจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จนถึงปัจจุบันบริษัทฯ นำเงินปันผลส่วนนี้ไปวางไว้ที่ศาลแล้วรวมประมาณ 2,700 ล้านบาท

คดีสุดท้ายของกลุ่มนี้ คือ คดีอาญา ที่อัยการและนายเกษม เป็นโจทก์ร่วม ฟ้องคดีความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร คดีหมายเลขดำที่ อ.1708/2564 (หมายเลขแดงที่ อ.1753/2566) โดยยื่นฟ้องในปี 2564

สถานะปัจจุบันศาลชั้นต้นยกฟ้องจำเลยทั้งหมด แต่มีคำพิพากษาว่าลายเซ็นนายเกษมในเอกสาร 5 รายการ เป็นลายเซ็นปลอม จึงมีคำสั่งให้ริบเอกสารทั้ง 5 รายการ โดยมีเอกสารรายการเดียวเท่านั้น ที่กล่าวถึงบริษัทฯ คือ สัญญาซื้อขายหุ้น WEH  ระหว่างนายเกษม กับ KPNET เป็นสัญญาระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นเอกสารคนละฉบับกับตราสารการโอนหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้นการโอนหุ้นระหว่างนายเกษม กับ KPNET จึงมีผลสมบูรณ์ด้วยกฎหมาย

  • กลุ่มเหตุการณ์ที่ 3 ข้อพิพาทบุคคลภายนอก ที่ KPNET อาศัยคำพิพากษาคดีอาญาปลอมแปลงเอกสาร หมายเลขแดงที่ อ.1753/2566 เพื่ออ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้น WEH

สำหรับ KPNET สถานะปัจจุบันเป็นบุคคลภายนอก ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัทฯ เพราะไม่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และในบอจ.5

แต่หลังคำตัดสินคดีอาญาปลอมเอกสาร KPNET ได้อาศัยคำพิพากษาคดีดังกล่าว อ้างตัวเป็นผู้ถือหุ้น WEH และไปจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น WEH เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการคัดค้านต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

สถานะล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำหนังสือลงวันที่ 27 ก.พ.2567 โดยระบุชัดเจนว่า KPNET ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น WEH เพราะคำพิพากษาคดีอาญา วินิจฉัยเฉพาะสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นเอกสารปลอม ซึ่งเป็นเอกสารคนละชนิดกับตราสารการโอนหุ้น เป็นนิติกรรมคนละประเภท การอ้างว่าสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นโมฆะ ทำให้ตราสารการโอนเป็นโมฆะและเสียเปล่า จึงไม่อาจรับฟังได้

"หุ้นกลุ่มที่ 2 สัดส่วน 40.54% ที่ NUSA ถือครอง 7.12% ได้มาจากการ Share Swap จากผู้ถือหุ้นคนอื่นๆในกลุ่มที่ 2 ซึ่งไม่ได้มีปัญหาใดๆ การทำธุรกรรมสมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมาย บริษัทฯ จึงไม่มีความหนักใจใดๆ เพราะ NUSA ไปอ้างคำตัดสินคดีีปลอมเอกสารของหุ้นกลุ่มที่ 1 ที่ไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย”

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,977 วันที่ 24 - 27 มีนาคม พ.ศ. 2567