นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า กระทรวงการคลัง, ตลท. และ ก.ล.ต. ได้ปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: TESG fund) เพื่อขับเคลื่อนตลาดทุน
ยกระดับความเชื่อมั่น และ สนับสนุนการออมให้กับประชาชน โดยกระทรวงการคลังคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 2 สัปดาห์
“การปรับเงื่อนไข Thai ESG ครั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มให้ลงทุนได้ในเดือน ก.ค. 67 โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 4-5 เดือน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับ Thai ESG ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินการเพียง 1 เดือน และมีเม็ดเงินลงทุน 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการปรับเงื่อนไขกองทุนดังกล่าว จะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีประมาณ 13,000 ล้านบาท”
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงรายละเอียดของการปรับเงื่อนไข ThaiESG ใหม่ ว่า
1.ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมสูงสุด 100,000 บาท
2.ระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) จากเดิม 8 ปี
3.ต้องลงทุนใน
4. หุ้นไทยที่อยู่ในดัชนี ESG ที่ได้รับความเชื่อถือระดับสากล มากกว่า 80% จากเดิมส่วนใหญ่เน้นที่ ESG Bond และ Green Token เท่านั้น
“หลังจากได้รับการอนุมัติจากครม. แล้ว จะมีการประกาศเงื่อนไขของหุ้นที่จะสามารถซื้อได้ภายใน 2 สัปดาห์ โดยหากครม. อนุมัติแล้ว จะมีผลต่อผู้ลงทุนย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67”