KBANK ชูบริการช่วยธุรกิจครอบครัวรับมือการเปลี่ยนผ่าน ส่งต่อความมั่งคั่ง

17 ก.ค. 2567 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2567 | 10:05 น.

KBANK ชูบริการใหม่ Family Business Transformation ให้คำปรึกษาในการปรับธุรกิจครอบครัวให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนผ่าน และดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น พร้อมคาดปี 67 ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 17%

นายพีระพัฒน์ เหรียญประยูร Managing Director - Wealth Planning and Non-Capital Market Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงมากมายหนึ่งในปรากฏการณ์สำคัญที่น่าจับตา คือ ‘การส่งต่อความมั่งคั่งระหว่างรุ่นครั้งใหญ่’ (The Great Wealth Transfer) มีการคาดการณ์ในปี 2573 ผู้มีสินทรัพย์สูงทั่วโลกจะส่งต่อความมั่งคั่งมูลค่าสูงถึง 18.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (662 ล้านล้านบาทไทย)

โดยผู้มีสินทรัพย์สูงในภูมิภาคเอเชียจะส่งต่อทรัพย์สินมูลค่า 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (90 ล้านล้านบาทไทย) ซึ่งธุรกิจครอบครัวถือเป็นแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่สำคัญสำหรับผู้มีสินทรัพย์สูง ทั้งนี้ เส้นทางการส่งต่อธุรกิจครอบครัวมักไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบจึงเป็นที่มาของการนำเสนอบริการใหม่อย่าง Family Business Transformation เพื่อให้คำปรึกษาในการปรับธุรกิจครอบครัวให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนผ่าน และดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น

ทั้งนี้ บริษัทได้จับมือพันธมิตรบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อตอบรับความต้องการและปัญหาที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการบริหารสินทรัพย์ครอบครัวของไทยให้ลูกค้ามั่นใจว่าทรัพย์สินของครอบครัวจะได้รับการเก็บรักษา สร้างความเติบโต และส่งต่อได้อย่างยั่งยืน

ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ KBank Private Banking ได้ให้บริการบริหารทรัพย์สินครอบครัวพบว่า ลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงกว่า 90% ของธนาคารเป็นเจ้าของธุรกิจ และหลายๆ ครอบครัวกำลังเผชิญความท้าทายในการส่งต่อจากการศึกษาร่วมกันระหว่าง KBank Private Banking และ Lombard Odier พบว่า มีทายาทจำนวนมากไม่ต้องการรับช่วงต่อ แต่ต้องการอิสระในการใช้ชีวิต เลือกอาชีพ หรือ ทำธุรกิจของตัวเองมากกว่าครอบครัว จึงจำเป็นต้องหาทางออกในการทำให้ธุรกิจครอบครัวยังสามารถดำเนินต่อไปได้

โดยอาจใช้ตัวเลือกอื่นๆ มาตอบโจทย์ความต้องการ เช่น การจ้างผู้บริหารมืออาชีพมาช่วยแทนการใช้สมาชิกครอบครัว โดยในกรณีเช่นนี้ทายาทจะต้องเรียนรู้ในการเป็นผู้ถือหุ้นที่ดี และในกรณีที่ทายาทต้องการรับช่วงต่อ แต่ก็ยังมีเงื่อนไขว่าธุรกิจครอบครัวจะต้องได้รับการจัดการให้เป็นระบบ และต้องการที่ปรึกษาที่เข้าใจและเชี่ยวชาญมากกว่าครอบครัวตัดสินใจกันเอง รวมไปถึงการจัดการธุรกิจและกงสีจะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

นอกจากนี้ผลสำรวจยังพบว่า หากไม่ได้เตรียมพร้อมวางแผนในการส่งต่อจะมีธุรกิจครอบครัว ที่สามารถอยู่รอดในรุ่นที่ 2 เพียง 30% ส่งผ่านไปสู่รุ่นที่ 3 ได้เพียง 12% และเหลือเพียง 3% ที่รอดไปสู่รุ่นที่ 4 ยิ่งไปกว่านั้น ความอ่อนไหวของธุรกิจครอบครัวไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น แต่ปัจจัยจากตัวธุรกิจเองก็มีผลทำให้ธุรกิจครอบครัวล่มสลายลงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการที่ไม่เป็นระบบ ปัญหาความโปร่งใส ระบบการตรวจสอบหละหลวม จนเป็นเหตุให้เกิดการฉ้อโกง

ตลาดจนธุรกิจครอบครัวอาจผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ ขาดบุคลากรที่มีความสามารถ ขาดการวางแผนสืบทอดธุรกิจ และกระบวนการคัดเลือกผู้บริหาร ดังนั้น ความจำเป็นในการวางแผน และ จัดโครงสร้างเพื่อปรับธุรกิจครอบครัวให้เป็นระบบจึงมีความสำคัญเพื่อรักษาธุรกิจครอบครัวให้สามารถดำเนินต่อไปได้ และส่งต่อธุรกิจได้อย่างราบรื่น

สำหรับบริการ Family Business Transformation เป็นบริการใหม่ภายใต้บริการให้คำปรึกษาด้านการบริหารทรัพย์สินครอบครัว (Family Wealth Planning Services) โดย KBank Private Banking บริการให้คำปรึกษาเพื่อการวางแผนธุรกิจครอบครัวที่ดีควบคู่ไปกับการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในครอบครัวด้วย โดยให้คำแนะนำลูกค้าตลอดกระบวนการตั้งแต่

  1. ช่วยครอบครัวในการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน วางนโยบายและกติกาภายในครอบครัว
  2. ใช้ผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ธุรกิจครอบครัว และให้ข้อเสนอแนะในการจัดธุรกิจครอบครัวให้เป็นระบบในด้านต่างๆ เช่น ด้านโครงสร้าง ระบบบัญชี ระบบการตรวจสอบภายใน การจัดการด้านทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
  3. วางแผนการเตรียมพร้อมทายาท แผนการสืบทอดธุรกิจ

ทั้งนี้ KBank Private Banking มองว่า การปรับตัวเป็นสิ่งจำเป็นธุรกิจครอบครัวที่ยึดติดกับวิธีการแบบเดิม ไม่ปรับตัว ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็ยิ่งมีความเสี่ยง และ มีแนวโน้มที่จะล้มเหลวสูง ความเสี่ยงสำคัญอีกอย่างก็ คือ หากไม่มีการวางแผนสืบทอดธุรกิจครอบครัว อาจลุกลามรุนแรงไปจนถึงทำให้ทั้งครอบครัว และ ธุรกิจล่มสลายไป โดย KBank Private Banking มีเป้าหมายหลัก คือ การรักษาธุรกิจครอบครัวของลูกค้าให้คงอยู่ และ ดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 12,000 ราย โดยในปี 2567 นี้ บริษัทคาดว่าฐานลูกค้าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 17% จากเดิม 12-15% โดยธุรกิจครอบครัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และธุรกิจที่อยู่ระหว่างการเตรียมตัวเพื่อระดมทุนในอนาคต ประมาณ 25-30% ซึ่งธุรกิจครอบครัวที่บริหารยากที่สุด คือ กลุ่มค้าปลีก เนื่องจากมีเรื่องการจัดระบบทางบัญชีเข้ามาเกี่ยวข้อง