รัฐตรึงราคาดีเซลอีก 3 เดือน กดดันหุ้นพลังงานระยะสั้น ชู TOP-SPRC เด่น

24 ก.ค. 2567 | 06:00 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ค. 2567 | 06:01 น.

โบรกมองมาตรการขยายระยะเวลาการตรึงราคาดีเซลออกไปอีก 3 เดือน ระยะสั้นส่งผลกระทบที่จำกัดต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" ชอบกลุ่มโรงกลั่น ชู TOP-SPRC เด่น กำไรฟื้นตัวไตรมาส 3/67 ตาม crack spread

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากการที่ทางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบถึงมาตรการของกระทรวงพลังงานในการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแบกรับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงไปก่อนเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชน หลังจากกระทรวงพลังงานเสนอแนวทางตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ ไม่เกิน 33.0 บาท/ลิตร จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2567

โดยใช้งบประมาณจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยอัตราการชดเชยไม่เกิน 2.0 บาท/ลิตร หลังจากมาตรการเดิมจะหมดลงในวันที่ 31 ก.ค. 2567 ทั้งนี้ ล่าสุด ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังติดลบที่ 1.11 แสนล้านบาท โดย ณ วันที่ 23 ก.ค. 2567 กองทุนน้ำมันยังเข้าไปช่วยจ่ายชดเชยราคาดีเซลอยู่ลิตรละ 1.06 บาท/ลิตร

ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางต่อข่าวนี้ โดยมองว่าการขยายระยะเวลาการตรึงราคาดีเซลออกไปอีก 3 เดือน แต่จำกัดเงินชดเชยไม่เกิน 2.0 บาท/ลิตร น่าจะมีผลกระทบที่จำกัดต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน สำหรับภาพรวมระยะสั้น เชื่อว่ากลุ่มค้าปลีกน้ำมันน่าจะเห็นปริมาณขายน้ำมันในประเทศที่ฟื้นตัว เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 2/2567 ตามจำนวนวันหยุดที่เยอะขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" สำหรับกลุ่มพลังงานและชอบกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งคาดว่าจะเห็นกำไรฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 3/2567 ตามแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) ที่ดีขึ้นและพรีเมียมน้ำมันดิบ (crude premium) ที่อ่อนตัว

โดยทางฝ่ายวิจัยชอบหุ้น TOP แนะนำซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายที่ระดับ 65.00 บาท และแนะนำซื้อ SPRC ประเมินราคาเป้าหมาย 10.50 บาท

อนึ่ง บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็นผู้ประกอบธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับชั้นนำแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ โรงกลั่นนํ้ามัน ปัจจุบันมีกำลังการกลั่น 275,000 บาร์เรลต่อวัน 

นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ธุรกิจปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์และสายโอเลฟิน ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลายและเคมีภัณฑ์ ธุรกิจบริการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูปทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจให้บริการด้านการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรสำหรับกลุ่มไทยออยล์

รวมถึงมีศูนย์บริหารการเงิน เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการทางการเงินของกลุ่มไทยออยล์ โดยผลการดำเนินงาน TOP ในช่วงไตรมาส 1/2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 120,145.58 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,862.94 ล้านบาท มีรวมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 110,628.43 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 428,357.04 ล้านบาท 

ขณะที่ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วเกรดพิเศษและเกรดธรรมดา น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และน้ำมันเตา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี

ซึ่งใช้เป็นผลิตภัณฑ์ตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ได้แก่ โพรพิลีนเกรดโพลิเมอร์ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว แนฟทาเกรดปิโตรเคมี ก๊าซผสม C4 และรีฟอร์เมท โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2567 SPRC มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 71,361.37 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,943.25 ล้านบาท มีรวมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 66,580.60 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 81,651.33 ล้านบาท