คลังยันคุ้มครองนักลงทุน “กองทุนวายุภักษ์” ไม่ผิดกฎหมาย

กรณีที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คัดค้านการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ ประเภท ก. ให้กับประชาชนและนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากมองว่ากลไกการคุ้มครองผลตอบแทนและเงินต้นอาจฝ่าฝืนกฎหมาย และทำให้กระทรวงการคลัง นักลงทุนภาครัฐเสียหายนั้น

ล่าสุด นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้กล่าวยืนยันว่า การดำเนินการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ประเภท ก. โดยมีการคุ้มครองให้กับนักลงทุนนั้น เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินการตั้งแต่ปี 2546 และมติครม. ปี 2556 ซึ่งการคุ้มครอง คือ ระบุให้นักลงทุนประเภท ก. ได้รับผลตอบแทนก่อน ยืนยันว่าไม่ได้ดำเนินการฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ

สำหรับมติครม. ในปี 2567 นั้น เป็นการเสนอวาระเข้าครม.เพื่อทราบ โดยไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนหลักการใดๆ ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นหลักการเดิม ส่วนถามว่ารัฐบาลจะเฉือนเนื้อหรือไม่ เรียนว่า ที่ผ่านมาผลตอบแทนการลงทุนก็อยู่เฉลี่ย 3.75% ซึ่งอยู่ในช่วงที่รัฐไม่ต้องควักเนื้อ และส่วนที่เกินกว่าการกำหนดผลตอบแทนบน รัฐก็ได้รับไป

“อาจดูเหมือนว่ารัฐเสียเปรียบ แต่ความคาดหวัง คือ อยากให้ประชาชนมีทางเลือกในการออม จึงได้ระบุว่ามีการคุ้มครอง มิฉะนั้น การระดมทุนอาจจะขายหน่วยลงทุนไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ในการคุ้มครองนั้น ไม่ได้การันตีว่าจะได้รับ 100% แต่การเปิดขายหน่วยลงทุน คือ การบริหารจัดการให้ประชาชน ได้รับผลตอบแทนก่อน”

ทั้งนี้ ยืนยันว่า สิ่งที่รัฐต้องการผลักดันในการเปิดจำหน่ายกองทุนรวมวายุภักษ์ ประเภท ก. คือ ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีการออมรองรับการเกษียณ เพื่อลดต้นทุนของภาครัฐในการดูแลผู้สูงอายุในอนาคต และผลตอบแทนที่รัฐให้กับ ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. เป็นรูปแบบเงินปันผลตามผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงของกองทุน ในอัตราไม่ต่ำกว่า 3%/ปี แต่ไม่เกินกว่า 9%/ปี โดยผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ซึ่งสูงกว่าการฝากเงินธนาคาร

สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ จะเปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศจองซื้อวันที่ 16-20 ก.ย.2567 ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท ซึ่งจะเริ่มต้นขั้นต่ำที่ 1,000 หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 10,000 บาท และจะประกาศผลการจองซื้อหุ้นหน่วยลงทุนประเภท ก.แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน ภายในวันที่ 25 ก.ย.2567

ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ตามบริษัทจัดการและผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุนรวม 8 ราย ได้แก่

1. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
2. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)
3. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
4. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
6. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
7. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
8. ธนาคารออมสิน