"ภากร" ชี้เซนติเมนท์ตลาดหุ้นไทยเป็นบวก ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่อง

16 ก.ย. 2567 | 09:03 น.
อัพเดตล่าสุด :16 ก.ย. 2567 | 09:03 น.

นับถอยหลังการอำลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ "ภากร ปีตธวัชชัย" ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองSentiment ตลาดหุ้นไทยเป็นบวกจากทั้งปัจจัยในและต่างประเทศ พร้อมส่งไม้ต่อ "อัสสเดช คงสิริ" เตรียมพร้อมตั้งรับความท้าทายใหม่ และปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า Sentiment ตลาดหุ้นไทยที่กลับมาอยู่ในทิศทางเชิงบวกในขณะนี้มาจากหลายปัจจัย มีทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของต่างประเทศก็เกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยที่เริ่มจะปรับตัวลดลง สภาพคล่องในตลาดหุ้นดีขึ้น เศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวในหลายประเทศ แม้ว่ายังมีความขัดแย้งทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ว่าก็ดูเหมือนผลกระทบจะเริ่มลดลงอยู่บ้าง

ในแง่ของปัจจัยภายในประเทศ จะเห็นได้เลยว่าเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวที่เยอะขึ้น การส่งออกในเดือน ก.ค. 67 ล่าสุด กลับมามีการเติบโตได้เกิน 15% รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับการเมืองในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ตลาดคลายความกังวลใจ ทำให้ดัชนีของตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัว

ซึ่งสะท้อนมาจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน ในช่วง 2 ไตรมาสแรกปี 67 นี้ ตัวเลขออกมาเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 10% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ตามที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ทำให้ Sentiment ตลาดหุ้นไทยกลับมาดีขึ้น

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยากฝากเตือนถึงนักลงทุน คือ อยากให้ติดตามสถานการณ์ และข่าวสารต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพราะมีทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย การรับข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นทางหนึ่งที่ช่วยในการปรับตัวและรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้

ส่วนคำถามที่ว่ากฎระเบียนต่างๆ ที่ใช้กำกับก็ดี หรือควบคุมอยู่ก็ดี สามารถปรับเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้ตามสถานการณ์นั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นผลมาจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะหลัง เคสต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตลาดทุนประเทศไทย ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ ตระหนักว่า สิ่งที่เราเคยทำ ที่เคยดี มันอาจไม่ดีพอในอนาคต

ถึงนำไปสู่ความจำเป็นให้ต้องมีการปรับตัว ปรับวิธีการทำงาน รวมไปถึงการปรับกฎระเบียบและกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตรงนี้ทำให้ตนเชื่อว่า ตลาดทุนตอนนี้ที่ปรับตัวเพื่อให้สามารถพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างดียิ่งขึ้น

สำหรับประเด็น Fund in Flow ที่เข้ามายังตลาดทุนไทยในขณะนี้นั้น มองว่าการกลับเข้ามานั้นมีทั้งด้วยปัจจัยภายในประเทศและปัจจัยนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอก อาทิ เศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น ความไม่แน่นอนลดลง ดอกเบี้ยลดลง สภาพคล่องตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น

ในขณะที่ปัจจัยในประเทศ ได้แก่ เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสูงขึ้น ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Fund in Flow กลับมาอย่างชัดเจน และกลับมาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจากการที่รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ กองทุนวายุภักษ์ 1 หรือ กองทุน ThaiESG ต่างๆ น่าจะทำให้ Fund Flow ไหลกลับเข้ามายังตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง และยิ่งเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อ จุดนี้จะทำให้เป็นจุดเปลี่ยน (turning point) 

"ประเด็นน้ำท่วม มองว่าไทยเรามีความคุ้นชินและรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ในอดีตเรามีประสบการณ์จากเกตุการณ์น้ำท่วมใหญ่มาแล้ว ครั้งนี้ก็จะผ่านไปได้ด้วยดีเช่นเดียวกัน"

ทั้งนี้ ตลาดช่วงที่ผ่านมาตลาดระยะเวลาที่ตนได้เข้ามาเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเห็นได้ว่าตลาดหลักทรัพยฯ ได้ถูกพัฒนาในหลายด้าน โดยมี 3 ด้านหลักๆ  ได้แก่

  1. การให้บริการตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการระดมทุน จะเห็นได้เลยว่าพยายามทำให้บริษัทไทยสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้
  2. ตลาดฯ ให้ความสำตัญในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างมาก ทำยังไงที่จะทำให้ไม่เกิดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องขยายธุรกิจต่อไปได้
  3. ส่งเสริมให้มีการเงินที่ยั่งยืน ให้ความรู้ด้านการลงทุน การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงหลัง จากการที่โลกมีการเจริญเติบโตไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง พฤติกรรมนักลงทุนที่เปลี่ยนไป มีเรื่องที่เกี่ยวกับโซเชียลมีเดียร์ต่างๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้การทำงานของตลาดทุนไทยเองก็ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่ง 2-3 ปี มีการปรับวิธีการทำงาน ปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ด้วย

"เชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่เราทำมาในช่วงหลังนี้จะทำให้ตลาดทุนไทยสามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างต่อเนื่องอีกหลายและและได้อย่างยั่งยืน"

"ภากร" ส่งไม้ต่อ "อัสสเดช"

สิ่งที่อยากฝากถึงท่านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนใหม่ "นายอัสสเดช คงสิริ" จากนี้ไปตลาดหุ้นไทยจะมีความท้าทายจากหลายไปจัยตามที่ได้เรียนไป ทั้งเศรษฐกิจโลก ตลาดทุนไทย มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็มีขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็ต้องติดตามข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ใช้ข้อมูลมาเป็นตัวมาออกกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม

ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดทุนไทยที่เชื่อมต่อกับทั่วโลกทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ก็ต้องกลับมาพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรให้ตลาดทุนไทยสามารถเทียบเคียงกับต่างประเทศได้ เป็นตลาดที่มีคนอยากระดมทุน เป็นตลาดทุนไทยที่มีผลิตภัณฑ์รองรับนักลงทุนได้อย่างเหมาะสม และครบถ้วน มีบาลานซ์ที่ดี มองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายที่ผู้จัดการตลาดฯ คนใหม่ จะต้องนำพาตลาดทุนไทยให้เจริญได้อย่างยั่งยืนต่อไป