ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย.67 ปิดที่ระดับ 1,435.53 จุด เพิ่มขึ้น 11.14 จุด หรือคิดเป็น 0.78% ในช่วงระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,436.80 จุด และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,423.20 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 61,020.12 ล้านบาท
โดยสรุปมูลค่าการซื้อขายแย่งตามกลุ่มนักลงทุนในวันนี้ พบว่า สถาบันในประเทศและนักลงทุนทั่วไปในประเทศ มีสถานะขายสุทธิที่ 7.22 ล้านบาท และ 950.41 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิที่ 607.40 ล้านบาท และ 350.23 ล้านบาท ตามลำดับ
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้พยายามขยับตัวออกจากฐาน และมองไปยังกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มากกว่า
ในขณะที่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จะแผ่วแรงการปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual bank) เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในวันนี้จะเห็นว่ามีแรงสลับขายทำกำไรออกมาอยู่บ้าง ในทางกลับกันหุ้นกลุ่มที่ Underperform ในช่วงก่อนหน้านี้โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี ที่มีคนถือครองต่ำ และด้วยราคาหุ้นที่ต่ำเกินไป ทำให้ตอนนี้กลับมาเป็นเป้าหมายการเก็งกำไรอีกครั้ง
รวมถึงด้วยเข้าใกล้ช่วงเปิดโครงการดิจิทัลวอลเลต เฟส 1 แล้ว ที่จะเป็นปัจจัยหนุนภาคการบริโภคในประเทศในช่วงที่เหลือของปี 67 นี้ ทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกยังเป็นที่น่าสนใจ และยังมีการซื้อดักทางรอความชดเจนอย่างต่อเนื่อง กลุ่มไฟแนนซ์ อย่าง MTC และ SAWAD กลับมามีแรงซื้อลงทุนอีกครั้งหลังจากมีความหวังในเรื่องของการลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังเห็นการลงทุนในกลุ่มไฮซีซัน อย่าง RATCH กองทุน กองรีท (REIT) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ อินฟราฟันด์ (Infrastructure Fund) เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ภาพของการฟื้นตัวดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้มาจากการฟื้นตัวแบบกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นหุ้นหลัก
ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น มองว่าหากผลออกมามีการลดลง 0.25% ก็เชื่อว่าตลาดจะไม่ตื่นเต้น ในขณะที่หากผลออกมาว่ามีการปรับลดลง 0.50% ก็อาจจะเป็นผลลบ จากความกังวลต่อปัญหาทางเศรษฐกิจที่อาจจะถดถอยลง และอาจจะไม่ได้เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ระหว่างนี้ยังคงมองว่าค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในโซนอ่อนค่าต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี มองว่าด้วยปัจจัยการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์ และโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ลดลง และการลงทุนถูกกระจายน้ำหนักมายังกลุ่มตลาดเกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในระยะเชื่อว่าจะยังคงเห็นการไหลกลับเข้ามาของฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นไทยอยู่
สำหรับกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ย.67) ประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1,405 จุด และกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,437 จุด ซึ่งยังคงเป็นแนวต้านสำคัญ และคาดว่าในสัปดาห์นี้อาจยังข้ามแนวต้านดังกล่าวไปไม่ได้