ตลาดหุ้นไทยปิดบวกยืนระดับ 1,435 จุด โบรกชี้การลงทุนกระจายหลายอุตสาหกรรม

16 ก.ย. 2567 | 11:21 น.
อัพเดตล่าสุด :16 ก.ย. 2567 | 11:21 น.

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย.67 ปิดที่ระดับ 1,435.53 จุด เพิ่มขึ้น 11.14 จุด กวาดมูลค่าซื้อขายไปทั้งสิ้น 6.1 หมื่นล้าน ฟันด์โฟลว์ยังไหลกลับเข้าตลาดฯ ต่อเนื่อง

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย.67 ปิดที่ระดับ 1,435.53 จุด เพิ่มขึ้น 11.14 จุด หรือคิดเป็น 0.78% ในช่วงระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,436.80 จุด และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,423.20 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 61,020.12 ล้านบาท

โดยสรุปมูลค่าการซื้อขายแย่งตามกลุ่มนักลงทุนในวันนี้ พบว่า สถาบันในประเทศและนักลงทุนทั่วไปในประเทศ มีสถานะขายสุทธิที่ 7.22 ล้านบาท และ 950.41 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุนต่างประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิที่ 607.40 ล้านบาท และ 350.23 ล้านบาท ตามลำดับ

5 หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

  • EA ราคา 10.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท เปลี่ยนแปลง 29.63% มูลค่าซื้อขาย 8,248.45 ล้านบาท
  • IVL ราคา 23.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท เปลี่ยนแปลง 11.16% มูลค่าซื้อขาย 2,821.28 ล้านบาท
  • CPALL ราคา 65.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท เปลี่ยนแปลง 1.16% มูลค่าซื้อขาย 2,167.21 ล้านบาท
  • KBANK ราคา 157.50 บาท โดยราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,718.19 ล้านบาท
  • TTB ราคา 1.96 บาท ลดลง 0.06 บาท เปลี่ยนแปลง 2.97% มูลค่าซื้อขาย 1,618.61 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้พยายามขยับตัวออกจากฐาน และมองไปยังกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มากกว่า

ในขณะที่กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จะแผ่วแรงการปรับตัวลง โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual bank) เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในวันนี้จะเห็นว่ามีแรงสลับขายทำกำไรออกมาอยู่บ้าง ในทางกลับกันหุ้นกลุ่มที่ Underperform ในช่วงก่อนหน้านี้โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี ที่มีคนถือครองต่ำ และด้วยราคาหุ้นที่ต่ำเกินไป ทำให้ตอนนี้กลับมาเป็นเป้าหมายการเก็งกำไรอีกครั้ง

รวมถึงด้วยเข้าใกล้ช่วงเปิดโครงการดิจิทัลวอลเลต เฟส 1 แล้ว ที่จะเป็นปัจจัยหนุนภาคการบริโภคในประเทศในช่วงที่เหลือของปี 67 นี้ ทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกยังเป็นที่น่าสนใจ และยังมีการซื้อดักทางรอความชดเจนอย่างต่อเนื่อง กลุ่มไฟแนนซ์ อย่าง MTC และ SAWAD กลับมามีแรงซื้อลงทุนอีกครั้งหลังจากมีความหวังในเรื่องของการลดอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ยังเห็นการลงทุนในกลุ่มไฮซีซัน อย่าง RATCH กองทุน กองรีท (REIT) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ อินฟราฟันด์ (Infrastructure Fund) เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ภาพของการฟื้นตัวดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้มาจากการฟื้นตัวแบบกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรม มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นหุ้นหลัก

ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น มองว่าหากผลออกมามีการลดลง 0.25% ก็เชื่อว่าตลาดจะไม่ตื่นเต้น ในขณะที่หากผลออกมาว่ามีการปรับลดลง 0.50% ก็อาจจะเป็นผลลบ จากความกังวลต่อปัญหาทางเศรษฐกิจที่อาจจะถดถอยลง และอาจจะไม่ได้เป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ระหว่างนี้ยังคงมองว่าค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในโซนอ่อนค่าต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี มองว่าด้วยปัจจัยการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์ และโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ ลดลง และการลงทุนถูกกระจายน้ำหนักมายังกลุ่มตลาดเกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในระยะเชื่อว่าจะยังคงเห็นการไหลกลับเข้ามาของฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นไทยอยู่

สำหรับกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ย.67) ประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1,405 จุด และกรอบแนวต้านที่ระดับ 1,437 จุด ซึ่งยังคงเป็นแนวต้านสำคัญ และคาดว่าในสัปดาห์นี้อาจยังข้ามแนวต้านดังกล่าวไปไม่ได้