ความหลงไหลและทุ่มเท ปลูกผักออร์แกนิค สร้างจุดเปลี่ยน "โอ้กะจู๋"

22 ก.ย. 2567 | 03:30 น.
อัพเดตล่าสุด :22 ก.ย. 2567 | 04:24 น.

ความหลงใหลและทุ่มเทปลูกผักเกษตรอินทรีย์ ไร้สารพิษและสารเคมีใดๆ ตกค้าง ทำให้ "โอ้กะจู๋" เป็นร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จนเข้าตา OR ขอมีส่วนร่วมในการต่อยอดและเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ

จากความหลงใหลและทุ่มเทที่อยากปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ ได้รับประทานผลผลิตเกษตรอินทรีย์ที่ไม่มีสารพิษและสารเคมีใดๆ ตกค้าง ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ส่งผลให้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะร้านอาหารเพื่อสุขภาพ จนสามารถขยายฐานลูกค้าจากเชียงใหม่ มายังกรุงเทพฯ ชลบุรีและระยอง

วันนี้ “โอ้กะจู๋” เติบใหญ่จนสามารถจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) 159 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในปีนี้  

“อู๋” ชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยผักออร์แกนิคจากสวนและวัตถุดิบที่สดใหม่ระดับพรีเมียม บอกเล่าเรื่องราวถึงความเป็นมาในการทำธุรกิจปลูกผักเกษตรอินทรีย์ จนต่อยอดมาเป็นร้านอาหาร “โอ้กะจู๋” ที่มีชื่อเสียงในวงกว้าง

จุดเริ่มต้นกับเพื่อนร่วมกระบวนการอีก 2 คน คือ “โจ้” จิรายุทธ ภูวพูนผล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร และกระบวนการเกษตรอินทรีย์แบบบูรณาการ และ “ต้อง” ประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม นำความรู้ด้านเครื่องจักรทางการเกษตร การสร้างโรงเรือน และวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์มาพัฒนา ให้สามารถสร้างผลผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 

ถือเป็นการรวมตัวกันที่ลงล็อกพอดี เพราะได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลายของแต่ละคน มาผสมผสานและร่วมกันสร้างธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น ภายใต้สโลแกน “ปลูกผักเพราะรักแม่” และขยายธุรกิจให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งในปี 2556 มองเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ โดยบริษัทได้เปิดบริการร้านอาหารเพื่อสุขภาพสาขาแรกที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” ซึ่งรับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค 

ด้วยมุมมองที่ว่า อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงเทรดชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นเมกะเทรนด์ พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปหันมาเลือกบริโภคอาหารที่ดีและเสริมสร้างสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้มีการขยายสาขาออกไปยังกรุงเทพฯ ชลบุรี และระยองเพิ่มเติมในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ดี ช่วงการวางแผนขยายสาขาใหม่ ก็พบว่า แม้จะมีโอกาสรออยู่ข้างหน้าอีกมาก แต่เงินลงทุนก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน

ช่วงปี 2560-2561 บริษัทเริ่มวางแผนการนำเอา OKJ เข้าระดมทุน เพื่อนำเงินที่ได้มาต่อยอดธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้เพิ่มมากขึ้นและสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงหามืออาชีพเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจ 

ขณะเดียวกัน OKJ ยังจะได้เป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนชุมชน ครอบครัว เกษตรกร ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย ให้มีชีวิตที่ยืนยาว สุขภาพดี มีความสุขร่วมกันอย่างยาวนาน 

การมีเงินทุนยังช่วยสานฝันในการต่อยอดธุรกิจ ขยายสาขา และขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่ยังคงส่งเสริมธุรกิจหลักเดิมอย่าง “โอ้กะจู๋” เพิ่มเติม

ปี 2567 บริษัทมีการเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ คือ ร้านเครื่องดื่ม Oh! Juice และร้าน Ohkajhu Wrap & Roll ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภท สลัด แร๊พสลัด (grab & go) เพิ่มเติม

ปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารแบรนด์ “โอ้กะจู๋” จำนวน 36 สาขา, ร้านแบรนด์ “Ohkajhu Wrap & Roll ” จำนวน 1 สาขา และ ร้านเครื่องดื่ม “Oh! Juice” จำนวน 6 สาขา 

ต้องยอมรับว่า การมาของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เป็นอีกแรงสนับสนุนสำคัญของ OKJ ในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำสินค้าไปจำหน่ายในร้าน Café Amazon ที่มีราว 450 สาขา กว่า 8 รายการ (SKUs) ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วถึงและกว้างขวางขึ้น เพิ่มความถี่ในการซื้อซ้ำ

รวมถึงช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในการสร้าง และตกแต่งร้านอาหาร ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลการสัญจร (Traffic) ในการขยายสาขาต่อๆ ไปในอนาคต 

“ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้มีการ Lock-down ซึ่งกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม แต่เราใช้เวลาในการปรับตัวประมาณ 10 วัน ก่อนที่จะเปิดหน้าร้านให้บริการแบบดิลิเวอรี่แทน ซึ่งยอดขายก็ออกมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนให้เห็นว่า เราปรับตัวได้ไว เรียนรู้ได้เร็ว และยังสามารถพัฒนาต่อยอดธุรกิจได้แม้อยู่ในช่วงวิกฤติ” 

ด้วยบริษัทมีความเชี่ยวชาญในกระบวนการทำเกษตรอินทรีย์เชิงลึกแบบบูรณาการทุกกระบวนการ ตั้งแต่เพาะปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต การควบคุมคุณภาพในระหว่างการขนส่งผลิตภัณฑ์กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทำให้ OKJ มีรากฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่งกว่ารายอื่นๆ

ขณะนี้ OKJ มีสวนเพราะปลูกออร์แกนิคอยู่ 5 แห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมกว่า 380 ไร่ คิดเป็นปริมาณราว 8.5 แสนตันต่อปี

การระดมทุนในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะนำมาลงทุนด้านเทคโนโลยีในกระบวนการเพราะปลูกเพิ่มเป็น 70% 

“เราไม่ได้มองว่า ในการแข่งขันทำอย่างไรจึงจะชนะหรือเป็นผู้นำ แต่เรามองถึง การพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้มีการเติบโตและอยู่ได้อย่างยั่งยืน สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้มากกว่า เชื่อว่าที่ ผ่านมาเราเองก็ปูพื้นฐานมาดีแล้วในระดับหนึ่ง แต่เราก็ไม่ได้หยุดนิ่งและยังมองการเพิ่มแบรนด์ร้านอาหารและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง”

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,028 วันที่ 19 - 21 กันยายน พ.ศ. 2567