เจาะลึกปรากฏการณ์ 'กันยายนมหัศจรรย์' ตลาดหุ้นไทยพุ่ง 93 จุด

03 ต.ค. 2567 | 23:00 น.

ตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนสร้างปรากฏการณ์! ดัชนีพุ่ง 93 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุดในรอบปี เผยปัจจัยบวกและคาดการณ์โค้งสุดท้ายปี 2567

ตลาดหุ้นไทยในเดือนกันยายน 2567 แสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง แม้จะมีความเสี่ยงของการปรับฐานในระยะสั้น แต่แนวโน้มระยะกลางถึงยาวยังคงเป็นบวก โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 

ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนกันยายน 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 93.67 จุด จากเปิดตลาดในวันที่ 1 ก.ย. อยู่ที่ระดับ 1,355.16 จุด มาปิดที่ระดับ 1,448.83 จุดที่ 30 ก.ย. โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,462.10 จุด และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,353.64 จุด โดยมีมูลค่าซื้อขายรวม 1,277,638.03 ล้านบาท

จากการตรวจสอบข้อมูลสถิติการซื้อขายในช่วงเดือนก.ย. 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ในวันที่ 6 ก.ย. สร้างสถิติมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 107,436.04 ล้านบาท ในขณะวันที่ 2 ก.ย. มูลค่าการซื้อขายต่ำที่สุดในเดือนก.ย. ที่ระดับ 33,189.68 ล้านบาท

หากแยกรายละเอียดสถิติการซื้อขายรวมของตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่วันที่ 1-30 ก.ย. 2567 ตามประเภทนักลงทุน พบว่า

  • นักลงทุนสถาบัน มูลค่าซื้อ 111,166.24 ล้านบาท มูลค่าขาย 112,883.56 ล้านบาท รวมขายสุทธิ 1,717.32 ล้านบาท
  • บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ มูลค่าซื้อ 91,588.72 ล้านบาท มูลค่าขาย 87,587.63 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิ 4,001.10 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างประเทศ มูลค่าซื้อ 629,279.01 ล้านบาท มูลค่าขาย 600,101.03 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิ 29,177.98 ล้านบาท
  • นักลงทุนภายในประเทศ มูลค่าซื้อ 444,902.06 ล้านบาท มูลค่าขาย 476,363.82 ล้านบาท รวมขายสุทธิ 31,461.76 ล้านบาท

เมื่อย้อนดูสถิติการซื้อขายเฉพาะส่วนของกระแสเงินลงทุนต่างชาติ พบว่า มีการซื้อติดต่อกัน ตั้งแต่วันที่ 5-16 ก.ย. มูลค่าซื้อสุทธิรวม 28,065.84 ล้านบาท และในวันที่ 18-24 กันยายน มีการซื้อสุทธิติดต่อกันมูลค่ารวม 8,921.44 ล้านบาท โดยวันที่ 6 กันยายนทำสถิติซื้อสุทธิสูงสุดที่ 10,756.62 ล้านบาท ในขณะที่วันที่ 27 ก.ย. ทำสถิติขายสุทธิสูงสุดที่ 1,804.24 ล้านบาท

เจาะลึกปรากฏการณ์

อย่างไรก็ดี กระแสเงินลงทุนต่างชาติทั้งปี 67 นับตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย. 67 ยังคงมีสถานะขายสุทธิอยู่ที่ระดับ 95,569.92 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าการซื้อ 4,211,330.60 ล้านบาท และมูลค่าการขาย 4,306,900.52 ล้านบาท โดยที่เดือนก.ย. มีมูลค่าการซื้อสุทธิ 29,177.98 ล้านบาท สูงสุดในปีนี้ แต่ยังเทียบมูลค่าการขายสูงสุดในเดือนมี.ค. ที่ 41,314.24 ล้านบาท ไม่ได้

สำหรับในเดือนต.ค.67 จากการย้อนดูข้อมูล 2 วันทำการแรก กระแสเงินลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิรวม 7,.076.46 ล้านบาท โดยเปิดมาวันแรกของเดือนต.ค. ฟันด์โฟลว์มีสถานะขายสุทธิ 1,715.30 ล้านบาท และวันที่ 2 ต.ค. ฟันโฟลว์ยังคงขายต่อเนื่องอีก 5,361.17 ล้านบาท ล่าสุดวันที่ 3 ต.ค. ฟันด์โฟลว์ยังมีสถานะขายสุทธิ 2,767.93 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนต.ค. 67 มีแนวโน้มที่จะผันผวน เป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วของดัชนีตลาดหุ้นไทย

ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศได้รับผลตอบแทนรวมกว่า 20% ทั้งจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า (ดัชนี SET เพิ่มขึ้น 13.7% พร้อมกับการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่ 10% นับจาก 6 ส.ค.) ส่งผลให้มีโอกาสที่จะเห็นการขายทำกำไรของฝั่งนักลงทุนต่างชาติออกมา

ประกอบกับหุ้นส่วนใหญ่ตอบรับกับข่าวดีจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว รวมถึงจากการคาดการณ์ว่าผลประกอบการกลุ่มพลังงานและเกี่ยวข้องอาจชะลอตัวจาก ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงในไตรมาส 3/67 ซึ่งส่งผลให้จะมีผลการขาดทุนสต๊อกน้ำมัน

นอกจากนี้ ตามปกติในช่วงไตรมาส 3/67 จะเป็นโลวซีซันของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เนื่องจากการบริโภคที่ชะลอตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงเป็นช่วงของการเพาะปลูกไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้เศรษฐกิจในต่างจังหวัดชะลอตัว อย่างไรก็ดี คาดว่าหลังจากที่มีการประกาศงบผ่านพ้นไปแล้วหลังเดือนพ.ย.67 คาดว่าทิศทางตลาดจะกลับมาดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/67 จะพีคที่สุดในปีนี้ เนื่องจากเป็นไฮซีซันของการบริโภค การท่องเที่ยว รวมถึงคาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการเร่งดำเนินการตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งนี้ ประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนต.ค.67 ไว้ที่แนวต้าน 1,435-1,450 จุด และแนวรับที่ 1,400 จุด