ราคาทองคำยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลว่านโยบายต่างๆ ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยุติวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ขณะที่ราคาทองในประเทศเปิดตลาด(14 พ.ย.) ปรับตัวลงแรง 300 บาท สู่บริเวณ 42,550 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของเมื่อวาน โดยระหว่างวันมีการประกาศราคาทองคำทั้งหมด 7 รอบ รวมราคาปรับเพิ่มขึ้น 100 บาท
ส่วนราคาทองคำต่างประเทศ(Gold Spot) ปรับตัวลงต่อเนื่องสู่บริเวณแถวๆ 2,563 ดอลลาร์ หลังจากร่วงหลุดระดับ 2,600 ดอลลาร์ในวันก่อน ขณะที่ราคาทองคำโคเม็กซ์สหรัฐปิดตลาดคืนที่ผ่านมาลดลง 19.80 ดอลลาร์สู่บริเวณ 2,586.50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับลดลงติดต่อกัน 4 วันทำการ
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ราคาทองคำช่วง 11 เดือนปี 2567 สร้างระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ถึง 7 เดือน โดยช่วง 10 เดือนแรกราคา Gold Spot ปรับตัวขึ้นมามากถึง 683 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ราคาปิด ณ เดือนตุลาคมที่ระดับ 2,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเติบโตถึง 33.12%
ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ขยายตัวขึ้นมาได้ดีเช่นเดียวกัน โดยปรับตัวขึ้นมาทั้งสิ้น 10,700 บาทต่อบาททองคำ สู่ระดับ 44,350 บาทต่อบาททองคำหรือเติบโตถึง 31.80% ใกล้เคียงกับ Gold Spot ดังนั้นทั้งราคา Gold Spot และทองคำแท่ง 96.5% ยังถือว่าให้ผลตอบแทนในระดับที่โดดเด่นถึง 26.52% และ 27.87% ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำระยะกลางถึงสิ้นปีนี้ คาดการณ์ Gold Spot แนวรับ1 อยู่ที่ 2,547 ดอลลาร์ แนวรับ2 อยู่ที่ 2,450 ดอลลาร์ แนวต้าน1 อยู่ที่ 2,710 ดอลลาร์และแนวต้าน2 อยู่ที่ 2,800 ดอลลาร์
ส่วน GOLD 96.5% แนวรับ1 อยู่ที่ 41,800บาท แนวรับ2 อยู่ที่ 40,200บาท แนวต้าน1 อยู่ที่ 44,500 บาทและแนวต้าน2 อยู่ที่ 45,600 บาท ภายใต้สมมุติฐาน ระดับอัตราแลกเปลี่ยน 34.60 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนมุมมองด้านปัจจัยทางเทคนิค แม้ว่าแนวโน้มราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง หลังจากราคาทิ้งตัวลง แต่ราคายังฟื้นตัวในระดับจำกัด ส่งผลให้ระยะสั้นราคามีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางอ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในสัปดาห์สุดท้ายของปี อาจเป็นไปอย่างเบาบาง เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการเข้าตลาดก่อนช่วงวันหยุดยาวปลายปีและหลายประเทศหยุดยาวต่อเนื่องในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส ซึ่งกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมักจะแคบลงหลังช่วงเทศกาลคริสต์มาสจนถึงเทศกาลปีใหม่
“กลยุทธ์การลงทุนระยะกลางถึงสิ้นปีนี้ แนะนำทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับ 2,547-2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ย”
ส่วนแนวโน้มระยะยาวราคาทองคำสิ้นปี 2568 ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบทิศทางขาขึ้น โดยราคาในระดับรายปี มีการสร้างระดับสูงสุดใหม่ และไม่มีการต่ำสุดใหม่จากปีก่อนหน้า และราคาสร้างระดับสูงสุดครั้งใหม่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง
แม้ว่าราคาจะมีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามากดดันราคาอ่อนตัวอย่างชัดเจน แต่ยังเห็นแรงช้อนซื้อเก็งกำไรเข้าพยุงราคาปรับตัวขึ้นต่อ
คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำระยะยาว Gold Spot แนวรับ1 อยู่ที่ 2,450 ดอลลาร์ แนวรับ2 อยู่ที่ 2,278ดอลลาร์ แนวต้าน1 อยู่ที่ 2,800ดอลลาร์ แนวต้าน2 อยู่ที่ 3,000ดอลลาร์ ส่วน Gold 96.5% คาดการณ์แนวรับ1 อยู่ที่ 40,200บาท แนวรับ2 อยู่ที่ 37,400บาท แนวต้าน1 อยู่ที่ 46,000บาท และแนวต้าน2 อยู่ที่ 49,300บาท
สำหรับคำแนะนำในการลงทุนทองคำนั้น แนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวเป็นบวก นักลงทุนระยะยาวสามารถเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม โดยการเข้าซื้อ หากราคาเคลื่อนไหวเหนือกรอบแนวรับบริเวณ 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นกรอบด้านล่างของทิศทางขาขึ้น
หากหลุดแนวรับโซน 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูการสร้างฐานของราคา หากยืนไม่อยู่ประเมินแนวรับถัดไปแนวรับโซน 2,278 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือมีการถือครองทองคำอยู่แล้ว แนะนำสามารถเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้แนวรับดังกล่าวเป็นกรอบด้านล่างของทิศทาง Sideway up โดยราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 2,790-2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแนวต้านแรก หากผ่านได้แนวโน้มระยะยาวจะเป็นบวกเพิ่มขึ้น และแสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ทำให้ประเมินว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านถัดไป ซึ่งอยู่ในโซน 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม หากราคา Gold Spot แตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ ราคาทองคำแท่ง 96.5% จะสามารถขึ้นแตะระดับ 50,000 บาทต่อบาททองคำได้
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,045 วันที่ 17 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567