“ท็อป จิรายุส”ชี้โอกาสอนาคต“กรีนเทค”เปลี่ยนซัพพลายเชนต้นน้ำ-ปลายน้ำ

21 พ.ย. 2565 | 11:33 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ย. 2565 | 18:42 น.

“ท็อป จิรายุส” ชี้โอกาสอนาตต กรีนเทค หรือ ไคลเมท เทค จะเข้ามาเปลี่ยนซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างการลงทุนขนาดใหญ่

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด  กล่าวในงานสัมมนา WEALTH FORUM ลงทุนอย่างไรให้รวย หัวข้อ “ลงทุนทางเลือก ช่องทางทำกำไร”จัดโดย "ฐานดิจิทัล" และกรุงเทพธุรกิจ ว่าขณะนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่องความยั่งยืน  40% ของจีดีพีโลก มาจากการพึ่งพาซี่งกันและกัน    

“ท็อป จิรายุส”ชี้โอกาสอนาคต“กรีนเทค”เปลี่ยนซัพพลายเชนต้นน้ำ-ปลายน้ำ

สำหรับมุมมองในอนาคตนั้นระยะสั้นแนะนำให้เก็บเงินสดเอาไว้    ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น   และเพิ่มประสิทธิผล เพราะเงินเฟ้อไม่ลดลงง่ายๆ  โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 อัตราเงินเฟ้อจะลดลง 2 %

ส่วนระยะยาวมองว่า Breakthrough Technology ด้านกรีนเทค หรือ ไคลเมท เทค   ที่เข้ามาเปลี่ยนซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะเป็นโอกาส  ทุกองค์กร มุ่งไปเน็ตซีโร่   ซึ่งทำให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่  ซึ่งในปี 2568   ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถยนต์ดังเดิม   ขณะที่คนเจน Z ไม่สนับสนุนสินค้าที่สร้างคาร์บอน    และรัฐบาลมีมาตรการทางด้านภาษีออกมาบังคับองค์กรที่ปล่อยคาร์บอน

 

“ปี 2567 คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อลดลง 2% ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยลดลง   ซึ่งมองว่าปี 2567 จะดีขึ้น  อาเซียนจะเป็นภูมิภาคที่สดใสมากสุด เรากำลังเข้าสู่ยุคทอง   แต่ก็เป็นห่วงประเทศไทย  เพราะเวียดนาม  สิงคโปร์  พยายามดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา  เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย ที่ต้องการเป็นฮับด้านความยั่งยืน    ส่วนประเทศไทย ยัง GDP พึ่งพาท่องเที่ยว  และอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาบ”

นายจิรายุส  กล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนสถานการณ์สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น กรณี FTX   และ LUNA  จะทำให้ตลาดชะลอตัวไป  2 ปี เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น    โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือนักลงทุนที่ซื้อขายผ่านกระดานเทรดในต่างประเทศ    ขณะที่ผู้กำกับดูแลเข้ามาความควบคุมมากขึ้น    ทำให้ตลาดเติบโตช้าลง กว่าคนจะทำให้คนเชื่อมั่น ทุกบริษัทจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ  และมีความโปร่งใส