นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนา WEALTH FORUM ลงทุนอย่างไรให้รวย หัวข้อ “ลงทุนทางเลือก ช่องทางทำกำไร”จัดโดย "ฐานดิจิทัล" และกรุงเทพธุรกิจ ว่าขณะนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัวเรื่องความยั่งยืน 40% ของจีดีพีโลก มาจากการพึ่งพาซี่งกันและกัน
สำหรับมุมมองในอนาคตนั้นระยะสั้นแนะนำให้เก็บเงินสดเอาไว้ ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น และเพิ่มประสิทธิผล เพราะเงินเฟ้อไม่ลดลงง่ายๆ โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 อัตราเงินเฟ้อจะลดลง 2 %
ส่วนระยะยาวมองว่า Breakthrough Technology ด้านกรีนเทค หรือ ไคลเมท เทค ที่เข้ามาเปลี่ยนซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะเป็นโอกาส ทุกองค์กร มุ่งไปเน็ตซีโร่ ซึ่งทำให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งในปี 2568 ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถยนต์ดังเดิม ขณะที่คนเจน Z ไม่สนับสนุนสินค้าที่สร้างคาร์บอน และรัฐบาลมีมาตรการทางด้านภาษีออกมาบังคับองค์กรที่ปล่อยคาร์บอน
“ปี 2567 คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อลดลง 2% ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยลดลง ซึ่งมองว่าปี 2567 จะดีขึ้น อาเซียนจะเป็นภูมิภาคที่สดใสมากสุด เรากำลังเข้าสู่ยุคทอง แต่ก็เป็นห่วงประเทศไทย เพราะเวียดนาม สิงคโปร์ พยายามดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย ที่ต้องการเป็นฮับด้านความยั่งยืน ส่วนประเทศไทย ยัง GDP พึ่งพาท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาบ”
นายจิรายุส กล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนสถานการณ์สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น กรณี FTX และ LUNA จะทำให้ตลาดชะลอตัวไป 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือนักลงทุนที่ซื้อขายผ่านกระดานเทรดในต่างประเทศ ขณะที่ผู้กำกับดูแลเข้ามาความควบคุมมากขึ้น ทำให้ตลาดเติบโตช้าลง กว่าคนจะทำให้คนเชื่อมั่น ทุกบริษัทจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และมีความโปร่งใส