"โควิด-19" ทำเด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษา 20% เมื่อเรียนออนไลน์

08 ก.ย. 2564 | 03:21 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ก.ย. 2564 | 15:55 น.

ผอ. สารคามพิทยาคม เผยนักเรียนต้องออกจากระบบ 20 % เมื่อเรียนออนไลน์ แนะใช้ Thailand Learning เป็นตัวช่วยในการศึกษาตลอดชีวิต

นายนิพนธ์ ยศดา ผู้อำนวยการ โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า ตลอดระเวลา 2 ปีที่มีแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทย ได้ส่งผลกระทบกับเด็กนักเรียนในภาคอีสานหรือเด็กทั่วประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการเรียนการสอนซึ่งได้เปลี่ยนมาเป็นในรูปแบบออนไลน์ โดยพบว่ามี 3 เรื่องหลักที่น่าสนใจ ได้แก่ 
1.นักเรียนกับผู้ปกครอง พบว่ามีเด็กจำนวนประมาณ 20% ที่จะต้องออกจากระบบไป เพราะมีปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนต ไวไฟ รวมถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือสมาร์ทโฟนต่างๆ เมื่อได้สอบถามกับผู้ปกครองหลายรายก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีรายได้ ทำให้ไม่มีเงินไปเติมค่าเน็ต บางครอบครัวก็มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้เพียงเครื่องเดียว จึงเป็นเรื่องลำบาก ซึ่งปัญหานี้ทางโรงเรียนได้พยายามหาทางแก้ไขโดยการจัดซื้อให้นักเรียน แต่ก็ติดขัดในเรื่องกฎระเบียบของทางกระทรวงศึกษาฯ รวมถึงการอนุญาตให้นักเรียนเข้ามาใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในโรงเรียน แต่ก็มีปัญหาในเรื่องความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงทำให้เด็กนักเรียนจำนวนดังกล่าวฯ ต้องออกไปจากระบบอย่างน่าเสียดาย 
2.ครูและอาจารย์ผู้ฝึกสอน ขาดความรู้และทักษะการสอนผ่านอุปกรณ์ออนไลน์ จึงทำให้เป็นเรื่องยากเพราะไม่คุ้นเคย สุดท้ายจึงทำได้แค่สั่งให้เด็กทำการบ้านมาส่ง โดยไม่มีการอธิบายอย่างละเอียดและลึกซึ้ง 
และ3.หน่วยงานต้นสังกัด หรือทางกระทรวงฯ คิดไม่ทันในเรื่องการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในเรื่องกฎระเบียบการจัดซื้อพัสดุที่ต้องมีการเปลี่ยนแก้ไข เพื่อจะได้สามารถนำเงินมาซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ ปัจจุบันทางโรงเรียนฯ ได้มีการส่งเสริมช่องทางการเรียนรู้ใหม่ คือแนะนำให้นักเรียนเข้าไปบริการที่เว็บไซต์ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วโลก ที่ทางมูลนิธิเชียประจำประเทศไทย ร่วมกับสถานทูตออสเตรเลีย ได้จัดทำและพัฒนาขึ้น สามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

นิพนธ์ ยศดา ผู้อำนวยการ โรงเรียนสารคามพิทยาคม

ซึ่งที่ผ่านมาพบว่านักเรียนมีการตอบรับเป็นอย่างดี ทางคุณครูก็พอใจเพราะมีการแบ่งระดับ และสามารถนำมาใช้ประกอบในกิจกรรมการเรียนการสอนได้ โดยสิ่งที่อยากให้มีเพิ่มเติมก็คือเนื้อหาใน 5 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาหลักที่เด็กไทยต้องใช้สอบเข้าสู่ในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
นางสาวเบญญาภา ยะเคหัง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4/16 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ชอบเข้าไปดู www.thailandlearning.org ในหมวดเว็บไซต์ทัศนศึกษา โดยล่าสุดได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ประเทศอิตาลี เพราะเป็นสถานที่ซึ่งยังไม่เคยไป ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกดูได้ตามใจชอบ เหมือนเดินอยู่ในสถานที่จริงๆ

เด็กไทยกลุ่มเปราะบางหลุดจากระบบการศึกษา

และมีข้อมูลให้ครบถ้วน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาช่วงเช้าประมาณ 1.30 ชั่วโมง ตอนเย็นใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง เพราะช่วงนี้ติดสถานการณ์โควิดจึงไม่สามารถไปไหนได้ และเนื้อหาก็น่าสนใจมาก  

นายศุภกฤษฎิ์ ทะสูง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนสารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า เป็นคนชอบวิชาวิทยาศาสตร์กับเลขคณิตมาก ดังนั้นส่วนใหญ่จะเข้าไปดูที่เว็บไซต์เกี่ยวกับการทดลองวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพื่อดูผลงานเก่าๆ ที่เคยมีผู้ทำไว้ จะได้เก็บไว้เป็นข้อมูลหรือตัวอย่างสำหรับตัวเองในอนาคต โดยจะใช้เวลาเข้าไปดู www.thailandlearning.org วันละครึ่งชั่วโมง ช่วงตอนเย็นหลังทำการบ้าน นอกจากนี้ก็ยังมีเข้าไปดูในเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ต่อ และเล่นเกมฝึกสมองบ้างเล็กน้อย