ฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นเข็ม 3 ชนิดไหนดี-ห่างเท่าไหร่ หมอยงสรุปครบจบที่นี่

12 พ.ย. 2564 | 06:47 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2564 | 13:46 น.

หมอยงสรุปข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นเข็ม 3 ควรฉีดชนิดไหน ระยะเวลาห่างเท่าไหร่ ระบุวัคซีนไวรัสเวกเตอร์ หรือ mRNA เหมาะเป็นวัคซีนกระตุ้น

รายงานข่าวระบุว่า ศ.นพ.ยง  ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) โดยมีข้อความว่า
โควิด-19 วัคซีน ระยะเวลา ระยะห่าง ของการกระตุ้น และจะให้วัคซีนอะไรดี  
ขณะนี้มีคำถามเข้ามามาก เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน เข็ม 1 เข็ม 2 เข็ม 3 จะใช้อะไร จะฉีดเมื่อไหร่ 
หลักการของวิชาในวัคซีน ต้องทำความเข้าใจ 

การให้วัคซีนเข็มแรก หรือชุดแรก ถือเป็นการปูพื้น prime การให้ในเข็มต่อไปถือเป็นการกระตุ้น boost ให้ระดับภูมิต้านทานขึ้นสูง 
ดังนั้นถ้าคิดว่าให้แค่ 2 เข็มแรกพอ ก็จะถือเข็มแรกเป็นการปูพื้น เข็มที่ 2 จะถือเป็นการกระตุ้น

ถ้าให้ 3 เข็ม โดยชุดแรก  2 เข็ม ให้ใกล้กันเช่นห่างกัน 3-4 สัปดาห์  2 เข็มแรก หรือชุดแรกถือเป็นการปูพื้น prime และเข็ม 3 ถือเป็นการกระตุ้น
ระยะห่างของการปูพื้น และการกระตุ้น ยิ่งห่างยิ่งดี แต่ถ้าห่างเกินไปภูมิต้านทานลดลงก่อนกระตุ้น ก็จะเกิดการติดเชื้อแทรกขึ้นมาได้ เช่นถ้าการให้ 2 เข็ม ที่ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น จะสู้ 2 เข็มที่ห่างมากกว่า  3-4 สัปดาห์ไม่ได้ ตัวอย่างเห็นได้ชัด ในวัคซีน AstraZeneca สามารถให้ได้ห่าง 4 - 12 สัปดาห์ การให้ห่าง 8 หรือ 16 สัปดาห์ ภูมิต้านทานจะดีกว่าให้ห่างกันที่ 4 สัปดาห์ เช่นเดียวกันกับวัคซีนตัวอื่น ในโรคที่มีความรุนแรง เช่นพิษสุนัขบ้า เราจึงต้องให้เป็นชุดมีความถี่ (ให้ถึง 5 เข็มโดยเข็มแรกๆจะถี่เข็มหลังๆจะห่างขึ้น) เพื่อมั่นใจในเรื่องของภูมิต้านทานในการป้องกันโรค หรือในภาวะที่มีการระบาดของโรคอย่างรุนแรง ระยะห่างของ 2 เข็มแรก ควรจะเข้ามาใกล้กัน

การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3
การให้วัคซีนสลับก็เช่นเดียวกัน ถ้าเข็มแรกถือว่าเป็นการปูพื้น prime เข็มที่ 2 ถือว่าเป็นการกระตุ้น โดยหลักการ ยิ่งห่างยิ่งดี แต่ถ้าห่างเกินไปก็จะเกิดการติดโรคเสียก่อน

การกระตุ้นเข็ม 3 ก็เหมือนกัน การให้วัคซีนชุดแรก 2 เข็ม ถือเป็นการปูพื้น prime การกระตุ้นเข็ม 3 ถือเป็น boost ระยะห่างก็จะมีความหมายเช่นเดียวกัน ทำไมไวรัสตับอักเสบ บี ให้ 3 เข็มหรือไวรัสตับอักเสบ เอให้ 2 เข็ม เข็มที่เป็นเข็มกระตุ้น คือเข็ม 3 (ไวรัสตับอักเสบบี) หรือ เข็ม 2 ในไวรัสตับอักเสบเอ  จึงต้องห่างไปถึง 6 ถึง 12 เดือนถึงจะดี แต่ถ้าห่างเกินไปอาจจะทำให้เกิดโรคเมื่อภูมิชุดแรกลดลง
ในการเลือกชนิดของวัคซีนใน covid-19
วัคซีนเชื้อตายจะเป็นวัคซีนปูพื้นที่ดี  ไม่เหมาะเป็นวัคซีนกระตุ้น เชื้อตายใช้ไวรัสทั้งตัว การปูพื้นเหมือนเป็นการจำลองการติดเชื้อ ขณะนี้ทางตะวันตกก็พัฒนาวัคซีนเชื้อตาย เช่นของฝรั่งเศส ที่ใกล้ออกมาแล้ว คือวัคซีน Valneva ผ่านระยะที่ 3  และกำลังขอขึ้นทะเบียนในยุโรป ที่ประเทศในยุโรปให้ความสนใจ
วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ หรือ mRNA  จะเหมาะเป็นวัคซีนกระตุ้น และการกระตุ้นจะต้องเว้นระยะห่างพอสมควร 

ดังนั้น ถ้าเราปูพื้นด้วยไวรัส Vector  หรือ  mRNA  ตัวเลือกในการกระตุ้น มีไม่มาก เพราะรู้ดีว่าการให้ไวรัส Vector  ถึง 2 ครั้งแล้ว จะมีภูมิต้านทาน ต่อตัว เวกเตอร์ที่ทำมาจากไวรัสเช่นเดียวกัน (adenovirus) การให้ซ้ำหลายครั้งจะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ไม่ดี เข็มกระตุ้นของไวรัสเวกเตอร์ ควรเป็น mRNA

กระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนชนิดใดดี
การให้ mRNA  หลายครั้ง เราทราบดีว่า การให้เข็มที่ 2  อาการข้างเคียงจะมากกว่าเข็มแรก โดยเฉพาะการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ มักเกิดในเข็มที่ 2  ที่พบในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ ไม่มีใครบอกได้ว่าเข็มที่ 3 จะเกิดเพิ่มมากขึ้นอีก?? แต่โดยหลักการก็พึงต้องระวัง โดยเฉพาะในเด็กหรือผู้มีอายุน้อย 
จากข้อสรุปทั้งหมดจะเห็นว่า การเริ่มต้นด้วย mRNA แล้วจะหาวัคซีนชนิดอื่นกระตุ้นได้ยาก การเริ่มต้นด้วยไวรัสเวกเตอร์ ยังสามารถใช้ mRNA เป็นตัวกระตุ้น การใช้วัคซีนเชื้อตายเริ่มต้นปูพื้น สามารถใช้ได้ทั้งไวรัส Vector กระตุ้น หรือต่อไปจะใช้ mRNA กระตุ้นได้อีก
covid-19 ยังคงอยู่กับเราอีกนาน และเชื่อว่ามีความจำเป็นต้องกระตุ้น  และเมื่อกระตุ้นเข็ม 3 แล้ว อาจจะยังต้องมีเข็มที่ 4 ที่ 5 ในปีต่อๆไปโดยระยะเวลาในการใช้กระตุ้นครั้งต่อไปก็คงต้องยาวนานออกไปอีก
ทั้งหมดนี้ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมทั้งนั้น เพราะโรคนี้เป็นเรื่องใหม่หมด 
ขณะนี้ทางศูนย์ไวรัสที่ทำอยู่จึงจำเป็นที่จะต้องหารูปแบบต่างๆที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย จึงทำให้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ในระยะนี้จะเห็นประกาศการรับอาสาสมัครต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี
ต้องขอขอบคุณอาสาสมัคร เป็นอย่างยิ่งที่จะให้ได้คำตอบ และนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์ ความคุ้มค่าสูงสุด
สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิดในประเทศไทยนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-10 พ.ย. 64 มีการฉีดวัคซีนสะสมแล้วจำนวน 82,532,531 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 44,579,576 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 35,277,108 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 2,675,847 ราย