นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า
Covid-19: ข่าวร้าย ยืนยันความสามารถในการแพร่เชื้อของโอไมครอน (Omicron) ที่เหนือกว่าเดลตา (Delta) มากถึงมากที่สุด
"The war is not over. "
ช่วงนี้สถานการณ์ในประเทศค่อนข้างดีมาก ขอให้ไปชาร์จแบตกันไว้ให้เต็มที่ ใช้ชีวิต พบปะคนที่รัก ทำยอดขาย เลี้ยงสังสรรค์ ดูหนัง ตัดผม อยากทำอะไรรีบทำ ผู้ร้ายตัวใหม่กำลังมาแล้ว และเก่งกว่าเดิมเยอะ แต่จะโหดกว่าหรือไม่ยังต้องลุ้น
สถานการณ์ใน South Africa:
ตัวเลข New Case วันที่ 2 ธ.ค. 8,561 คน ยืนยันความน่ากังวลทุกอย่างแล้ว เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 25 พ.ย. ยังแค่ 1,275
เกิด Exponential ขึ้นแล้วทั้งๆที่ ยังอยู่ในมาตรการควบคุม Level 1 ที่เดิมสามารถกด Delta ลงได้อย่างอยู่หมัด แอฟริกาใต้ฉีดวัคซีน 2 เข็มไปได้แค่ 24.6% แต่ก็เอา Delta อยู่ แต่คงไม่ใช่สำหรับ Omicron แล้ว
กราฟ %Increase: ระดับปรากฎการณ์ แบบไม่เคยเห็นมาก่อน
ผมทำกราฟมาให้ดูในช่วง Transition ระหว่างสายพันธุ์ที่เก่งกว่าเดิม แล้วเกิดการระบาดเป็น Wave ใหม่ของ S.Africa มาให้ดูเทียบกัน 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 จากไวรัส Wuhan มาเป็น Beta %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 9 สัปดาห์
ครั้งที่ 2 จาก Beta มาเป็น Delta มหาโหด %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 9 สัปดาห์
ครั้งที่ 3 ล่าสุด ชันสุด โหดสุด จาก Delta มาเป็น Omicron ระดับ Super Virus %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายในเวลาแค่ 2 สัปดาห์!!!
ตอนนี้การระบาดของ Omicron ใน S.Africa มีระดับ Exponential ที่มี %Increase 27% หรือมี Doubling Day แค่ 3 วัน ทั้งที่อยู่ใน New Normal
ถ้าย้อนนึกเทียบกันกับบ้านเราที่ใช้ New Normal ที่คุม Alpha ได้สำเร็จช่วง พ.ค. - มิ.ย. 64 พอ Delta เข้ามาก็เกิด Exponential แต่ %Increase แค่ 12% หรือ Doubling Day ประมาณ 6-7 วัน แค่นั้นก็โกลาหลแล้ว
พูดง่ายๆและสิ่งที่น่ากังวลก็คือ:
1.Omicron เก่งกว่า Delta มากกว่าที่ Delta เก่งกว่า Alpha ประมาณ 2 เท่า
2.Omicron อาจเก่งกว่า Delta ประมาณ 4 เท่า
3.Alpha ยังมีประเทศใหญ่ที่กดลง Zero New Case ได้หลายประเทศ ส่วน Delta ไม่มีเลยสักประเทศ แต่พอ Dance ได้ถ้ามีวัคซีน หรือทุบแหลกแบบจีน ส่วน Omicron การลง Zero New Case ทำไม่ได้แน่ และอาจจะ Dance ไม่ไหวด้วยถ้าวัคซีนไม่ 100%
4.จีนกด Delta แทบไม่อยู่แล้ว มีผุดขึ้นให้ทุบอยู่เรื่อย ถ้า Omicron ล่ะ จีนจะแตกหรือไม่ ถ้าจีนแตกเศรษฐกิจจะบรรลัยกันทั้งโลก
5.ประเทศไทย Wave ของ Alpha ติดเชื้อไป 2 แสน Delta เก่งกว่า Alpha 60% ติดเชื้อเพิ่ม 10 เท่ากลายเป็น 2 ล้าน แล้ว Omicron ที่เก่งกว่า Delta 200- 400% ตัวเลขจะไปไกลแค่ไหน วัคซีนจะเอาอยู่หรือไม่
สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ และสิ่งที่ต้องภาวนา:
1.Omicron เข้ามาแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วเพราะที่ผ่านมา ก็เข้ามาทุกสายพันธุ์ อุดรูประเทศไม่เคยสำเร็จ
2.การติดเชื้อถ้าจะเกิดขึ้นเป็น 10 ล้าน หรือติดเชื้อกันทั้งประเทศก็ไม่น่าแปลกใจ ใครที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีน ทำใจเลยแค่ Delta ก็หลบยากแล้ว Omicron คงหลบไม่พ้นแน่ๆ
3. ภาวนาว่า Omicron มันจะะเก่ง แต่ไม่โหด ซึ่งอีก 2-3 สัปดาห์ เราจะรู้จากอัตราการตายใน S.Africa แน่นอนต้องช่วยกันสวดภาวนาว่าอัตราการตายจะต่ำ แต่อย่าหวังมากเลย เราเคยหวังแบบนี้กับ Alpha และ Delta ซึ่งก็ผิดหวังเพราะมันทั้งเก่งและโหดกว่าเดิม
4.ภาวนาว่า วัคซีน Gen ใหม่จะมาได้ภายใน 3 เดือนและเอาอยู่ และหวังว่าวัคซีนเดิม ก็จะยังพอกันป่วยหนักได้ ซึ่งเราจะได้เห็นสิ่งนี้ในยุโรปเร็วๆนี้
ประเทศไทยคนไทยต้องทำอะไร:
1.วัคซีน 100% Booster 100% รวมเด็กเล็ก 2 ขวบขึ้นไปด้วย
2.อุดประเทศให้นานที่สุด รอวัคซีน Gen 2 ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า เราเคยอุด Delta ได้นานถึง 3 เดือน ครั้งนี้ขอให้ทำให้ได้
3.ชาร์จแบต ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เด็กๆไปโรงเรียนไปเจอเพื่อนฝูงสนุกสนานตุนไว้ เผื่ออาจจะต้องกลับมา Lockdown กันอีกรอบในช่วงปีหน้าถ้าอุดประเทศไม่อยู่ และวัคซีนเอาไม่อยู่
4.ทำใจเผื่อไว้ให้มาก อะไรจะเกิดมันก็จะต้องเกิด
สงครามไม่จบก็รบกันต่อไป ถึงโจโฉจะเคยกล่าวว่า “คนคำนวณ มิสู้ ฟ้าลิขิต” แต่ก็ขอให้คนไทยจับมือไว้แล้วเดินไปด้วยกัน ใครล้มก็ช่วยกันฉุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่นอน ช่วงนี้อย่าเพิ่งคิดมาก ขอให้มีความสุขกับช่วงเทศกาล อากาศที่เย็นสบาย ครอบครัวและคนที่รัก หลังจากนั้นค่อยพร้อมรบ
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (covid-19) ในประเทศไทยวันที่ 3 ธันวาคม 2564 นั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ติดตามข้อมูลจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 4,912 ราย
ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 2,101,778 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 33 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,844 ราย กำลังรักษา 72,761 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 2,009,574 ราย