รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
25 ธันวาคม 2564...วันคริสมาสต์ ทะลุ 279 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 757,409 คน ตายเพิ่ม 5,439 คน รวมแล้วติดไปรวม 279,272,263 คน เสียชีวิตรวม 5,408,686 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมัน
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็น 88.86% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 90.34%
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็น 57.43% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 57.27%
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 5 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 2,671 คน สูงเป็นอันดับ 35 ของโลก
หากรวม ATK อีก 1,422 คน ก็ขยับเป็นอันดับ 26 ของโลก
ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย
อัพเดต Omicron (โอมิครอน)
การระบาดของ Omicron ตอนนี้ลามไปทั่วโลกถึง 113 ประเทศแล้ว ถือว่าเป็นการระบาดที่รวดเร็วมากโดยใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนนับจากการระบาดในทวีปแอฟริกา
นอกจากนี้จำนวนการติดเชื้อรวมต่อวันของระลอกนี้ก็สูงกว่าระลอกเดิมๆ ตลอดสองปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวานนี้ เมื่อดูในกลุ่มที่ระบาดหนักๆ จะพบว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และอิตาลี ทั้ง 3 ประเทศมีจำนวนติดเชื้อใหม่ทำลายสถิติเท่าที่เคยระบาดมาในแต่ละประเทศคือ 122,186 คน, 94,124 คน, 50,599 คน ตามลำดับ
หากเทียบกับรายงานจำนวนติดเชื้อใหม่ในวันเดียวกันของปีที่แล้ว สหราชอาณาจักรติดสูงกว่าเดิมถึง 3.7 เท่า ฝรั่งเศสสูงกว่าเดิม 4.94 เท่า และอิตาลีสูงกว่าเดิม 2.64 เท่า
สำหรับไทยเรา
Omicron ได้เขี่ยบอลเริ่มแข่งไปเรียบร้อยแล้ว
ด้วยสมรรถนะของ Omicron ที่แพร่ไวกว่าเดลต้า 4.1 เท่า, ติดเชื้อซ้ำในคนที่เคยติดมาก่อนได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม 2.9 เท่า, มีระยะฟักตัว (ติดเชื้อจนถึงมีอาการ) ที่สั้นเพียง 3 วัน, ดื้อต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีนหรือจากการที่เคยติดเชื้อมาก่อน 20-40 เท่า, และดื้อต่อโมโนโคลนัล แอนติบอดี้หลายชนิดที่ใช้รักษา
แม้จะมีแนวโน้มว่าตัวไวรัสเองน่าจะมีสมรรถนะที่ทำให้รุนแรงน้อยกว่าเดลต้า 2-12% และมีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลลดลง 3-5 เท่าอันเป็นผลจากการที่พบว่ามีการติดเชื้อในคนอายุน้อยซึ่งมีสถานะสุขภาพที่แข็งแรงกว่ากลุ่มเสี่ยงอื่นๆ รวมถึงคนที่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน ทำให้มีภูมิคุ้มกันเดิมที่ช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้
แต่จากฐานประชากรที่ Omicron ที่กว้างขวางกว่าสายพันธุ์เดิมมากคือ โจมตีได้ทั้งคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน คนที่ฉีดยังไม่ครบ คนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว รวมถึงคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจำนวนการติดเชื้อจากระลอก Omicron ย่อมมีได้มากและรวดเร็ว และส่งผลต่อเรื่องการป่วยและตายได้
สิ่งจำเป็นที่เราควรทำคือ การฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มกระตุ้นด้วย mRNA vaccines
เหนืออื่นใดคือ พฤติกรรมการป้องกันตัว ใส่หน้ากากเสมอ และอยู่ห่างคนอื่นเกินหนึ่งเมตร
เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว
เลี่ยงปาร์ตี้สังสรรค์คริสต์มาสและปีใหม่นอกบ้าน ฉลองกับคนในครอบครัวที่บ้านจะปลอดภัยกว่า
หากทำได้อย่างเคร่งครัดและพร้อมเพรียง ก็จะช่วยบรรเทาและชะลอการระบาดของ Omicron ไปได้บ้าง
แต่หากตะลอนกันเยอะ สังสรรค์กันมาก ก็จะเป็นไปตามธรรมชาติการระบาดที่เราเห็นในต่างประเทศ