น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ฟังหูไว้หู !! ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Deltacron (เดลตาครอน) มีจริงหรือไม่ จะต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมกันต่อไป
ขณะนี้มีรายงานข่าวเบื้องต้น จากสำนักข่าวต่างประเทศบางแห่ง ว่าพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ คือเป็นสายพันธุ์เดลตา แต่มีสารพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาปน
ทำให้ตั้งชื่อใหม่เป็นไวรัส Deltacron : Delta+Omicron ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการยืนยันจากหน่วยงานระหว่างประเทศ หรืออย่างน้อยรอให้องค์การอนามัยโลกออกมารับรองเสียก่อน
แหล่งข่าวดังกล่าวได้ อ้างถึง Professor L.Kostrikis ศาสตราจารย์ทางด้านชีววิทยาของมหาวิทยาลัยไซปรัส ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใกล้กับตุรกี
ว่าเป็นผู้ค้นพบไวรัสและตั้งชื่อใหม่ว่า Deltacron โดยอ้างว่าพบแล้วถึง 25 ราย แต่ก็บอกด้วยว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกถึงความสามารถด้านต่างๆทั้ง 3 มิติของไวรัสใหม่นี้
รวมทั้งได้ส่งข้อมูลไปที่ GSAID ซึ่งเป็นแหล่งรวมรหัสสารพันธุกรรมของไวรัสระดับโลกแล้ว
ในขณะเดียวกัน Professor T.Peacock นักไวรัสวิทยาจากคอลเลจลอนดอน ( U. College London ) ได้ให้ความเห็นว่า
จากลักษณะของสารพันธุกรรมดังกล่าว น่าจะเป็นการปนเปื้อนระหว่างการถอดรหัสไวรัสในห้องปฏิบัติการ
และไม่ค่อยจะเหมือนไวรัสสายพันธุ์ใหม่มากนัก โดยมีลักษณะเป็นไวรัสเดลตาเดิมเป็นหลัก แล้วมีสารพันธุกรรมบางส่วนของโอมิครอนเข้าไปปน
การปนเปื้อนในห้องปฏิบัติดังกล่าว ถึงแม้จะไม่ได้พบบ่อยนัก แต่ก็สามารถพบได้
Professor Peacock กล่าวว่า การแข่งกันรายงานเพื่อเป็นเจ้าแรกของสำนักข่าวต่างๆ อาจจะทำให้สาธารณะเข้าใจคลาดเคลื่อนได้
ผู้เขียนคิดว่า เรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หูในเบื้องต้น เพราะการแถลงจากนักวิทยาศาสตร์เพียงคนเดียว และยังไม่ได้รับการยืนยันจากหน่วยงานในระดับนานาชาติที่เชื่อถือได้ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด
แต่ถ้ายืนยันแล้วว่าเป็นจริงในภายหลัง ก็จะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว จะมีความสามารถในการแพร่ระบาด มีความรุนแรงในการเกิดโรค และการดื้อต่อวัคซีนมากน้อยเพียงใด
แต่ในขณะนี้ควรรอฟังความชัดเจน และการยืนยันจากหน่วยงานในระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งเสียก่อน
อย่างไรก็ดี หมอเฉลิมชัย ได้ระบุข้อความในโพสต่อมาด้วยว่า ถ้า เดลตาครอน เป็นเรื่องจริง จะตั้งชื่อว่า ไวรัส Pi (พาย)
โดยที่ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศก็รายงานต่อเนื่องว่า นักชีววิทยาชาวไซปรัสรายดังกล่าว ได้ออกมายืนยันว่าไม่มีการปนเปื้อนของไวรัสตามที่มีการตั้งข้อสังเกตจากนักไวรัสวิทยาชาวอังกฤษ
ส่วนการที่จะตั้งชื่อว่า "พาย" นั้น หมอเฉลิมชัยระบุว่า ควรเข้าใจเรื่องพื้นฐาน และการรายงานไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังนี้
โควิด-19 เป็นชื่อโรค เกิดจากไวรัสชื่อโคโรนาลำดับที่ 7 ซึ่งเป็นสารพันธุกรรมเดี่ยวอาร์เอ็นเอ(RNA) จึงทำให้ไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ได้ง่าย
GSAID เป็นองค์การระหว่างประเทศ ที่รวบรวมข้อมูลไวรัสใหม่ทุกสายพันธุ์ เมื่อตรวจสอบแล้วก็จะรายงานต่อสาธารณะ ที่ผ่านมามีข้อมูลการกลายพันธุ์ไปแล้วมากกว่า 1000 สายพันธุ์หลักและสายพันธุ์ย่อย
แม้พบว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่แล้ว ก็ยังจะต้องติดตามดูว่าไวรัสดังกล่าว มีผลต่อสามมิติของไวรัสหรือไม่อย่างไร ถ้าไม่มีผล ก็ไม่มีความสำคัญที่สาธารณะจะต้องรับรู้ แต่นักวิชาการจะติดตามกันต่อไป
3 มิตินั้นประกอบด้วย ความสามารถในการแพร่ระบาด ความสามารถในการก่อความรุนแรงของโรค และความสามารถในการดื้อแต่วัคซีน
ถ้าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวกระทบมิติใดมิติหนึ่ง และมีความสำคัญกับมนุษยชาติ องค์การอนามัยโลกจะตั้งชื่อไวรัสตามอักษรกรีก
สาธารณะจึงควรสนใจและติดตามใกล้ชิดเฉพาะไวรัสที่มีการตั้งชื่อเป็นอักษรกรีกแล้วเท่านั้น
ขณะนี้ได้ใช้อักษรกรีกไปแล้ว 15 ลำดับถึงโอมิครอน อักษรลำดับถัดไปคือ " พาย : Pi "
ดังนั้นไวรัสตัวที่จะมีความสำคัญถัดไป จะตั้งชื่อว่า "พาย"