วันนี้ (26 ม.ค.65) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ และการกระจายวัคซีนไฟเซอร์เด็กอายุ 5-11 ปี ได้ส่งถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และขั้นตอนต่อไปจะจัดส่งเอกสารวัคซีนให้กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจสอบคุณภาพ และจากนั้นจะกระจายส่งวัคซีนไปตามจุดทั่วประเทศ โดยจะเริ่มฉีดให้กับเด็กเล็ก 5-11 ปี วันที่ 31 ม.ค.ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
ทั้งนี้ขวดยา มีฝาพลาสติกปิดสีส้ม บรรจุสารเข้มข้น 1.3 มิลลิลิตร เจือจางด้วยสารละลายโซเดียมคลอไรด์ ร้อยละ 0.9 หรือน้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อ สำหรับฉีดปริมาณ 1.3 มิลลิลิตรก่อนใช้ โดยในวัคซีน 1 ขวด ฉีดได้ 10โดส หรือ10 คน ปริมาณต่อโดส 0.2 มิลลิลิตร ขณะที่การเก็บวัคซีนไฟเซอร์อยู่ที่ 2-8 องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้นาน 10 สัปดาห์ นับแต่นำออกจากตู้แช่แข็ง
“เด็กที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคกลุ่มเสี่ยง จะทำการฉีดที่โรงพยาบาล เด็กอีกส่วนในระบบการศึกษา จะทำการฉีดที่โรงเรียน ส่วนเด็กที่อยู่ในระบบการศึกษาที่บ้านหรือนอกระบบการศึกษาจะทำการฉีดที่โรงพยาบาล”
สำหรับระยะห่างการรับวัคซีนโควิด ตามคำแนะนำ ในเด็กเล็ก 5-11 ปี จะฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง ห่างกัน 3 -12 สัปดาห์ ในตอนแรก ที่กำหนดในช่วงเวลานี้ มีหลายปัจจัยแต่การกำหนดว่าจะฉีดได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่หลายปัจจัย คือ 1. ประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกัน 2. เรื่องความปลอดภัย และ 3.เรื่องสถานการณ์การระบาดของโรคในขณะนั้น
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ในทวีปเอเชีย ถัดจากสิงคโปร์ ที่บริษัทไฟเซอร์จัดส่งวัคซีนไปเซอร์สำหรับเด็กฝาสีส้มในการฉีดให้เด็กเล็ก 5-11 ปี
สำหรับอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ส่วนมากอาการไม่รุนแรงและหายไปได้เองใน 1-2 วัน เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวด บวม รอยแดง บริเวณที่ฉีด ปวดหัวปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวตามกล้ามเนื้ออ่อนเพลีย โดยหลังฉีดวัคซีนจะให้เฝ้าสังเกตอาการ30 นาที ซึ่งข้อมูลจากทั่วโลก พบว่า ผลข้างเคียงในเด็กเล็กน้อยกว่าเด็กโตเนื่องจากปริมาณการฉีดน้อยกว่า
ส่วนเด็กอายุ 12 - 18 ปี ยังคงเป็นวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีม่วง ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับการฉีดในผู้ใหญ่
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ระบุถึงแนวทางการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ที่มีโรคประจำตัว ว่า ขณะนี้ ในระบบเด็กกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มโรค มีประมาณ 9 แสนคนการเข้าถึงคือผู้ปกครองจะต้องยินยอมในการให้หลานเข้ารับการฉีดวัคซีน หากวันที่ฉีดวัคซีน เด็กมีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย แพทย์อาจพิจารณายังไม่ให้ฉีดอาจจะต้องชะลอการฉีดไปก่อน รวมถึง เด็กที่มามีโรคประจำตัว แต่อาการไม่คงที่อาการรุนแรงขึ้น
หลังการฉีดวัคซีนเด็กเล็กแล้ว ข้อแนะนำสำคัญคือ1 สัปดาห์ ไม่ควรให้เด็กวิ่งเล่นหรือออกกำลังกายหนักส่วนข้อกังวล และต้องเฝ้าระวัง คืออาการข้างเคียงในเด็กด้านหัวใจ โดยข้อมูลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 7 ล้านกว่าโดส มี 8 คน ที่วินิจฉัยว่าเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ในจำนวนนี้หายแล้ว5 คน เหลือ3 คนที่อยู่ระหว่างรักษาอาการ
ขณะที่แนวทางการดูแลส่งต่อในกรณีสงสัยเด็กอาการรุนแรงที่เกี่ยวกับกลุ่มโรคหัวใจ หากในช่วง 2-7 วัน เจ็บหน้าอกหายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น ให้รีบมาพบแพทย์
ส่วนกลุ่มอาการอื่นๆ ไข้สูง มากกว่า 39องศาเซลเซียส ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ เด็กซึมหรือไม่รู้สึกตัว ให้รีบส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านและประเมินอาการ หากโรงพยาบาลในพื้นที่ประเมินแล้วเกินศักยภาพให้ส่งต่อมายังโรงพยาบาลศูนย์ หรือสถาบันสุขภาพเด็ก หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเพื่อตรวจวินิจฉัยรักษา