สถานการณ์โควิดวันนี้ในไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยมีการระบาดเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา แนวโน้มความรุนแรงของโรคเริ่มลดลง
ล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความว่า
โควิด-19 (Covid-19) เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน กาลเวลาเปลี่ยน มาตรการต่าง ๆ ก็ต้องเปลี่ยน
ใน 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเริ่มแรกการระบาด โรคโควิด-19 มีความรุนแรง
และมีการเสียชีวิตสูง โรคระบาดเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา แนวโน้มความรุนแรงโรคเริ่มลดลง
ในปีแรก จุดมุ่งหมายเราต้องเป็นศูนย์ หรือไม่มีผู้ป่วยเลย มาตรการเข็มข้นมาก ปิดบ้าน ปิดเมือง
ในปีที่ 2 เราเริ่มรู้ว่า เป็นไปไม่ได้ จุดมุ่งหมายเราต้องให้มีผู้ติดเชื้อน้อยที่สุด มีมารตรการออกมาจำนวนมากปิดบ้าน ปิดเมือง งดกิจกรรมจำนวนมาก
ในปีนี้ (เข้าปีที่ 3) เรารู้แล้วว่าโรคนี้ จะต้องอยู่กับเรา เราจะต้องอยู่ด้วยกันได้ ความรุนแรงของโรคเริ่มน้อยลง
มีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น หลายหมื่นคนต่อวัน อัตราการเสียชีวิตอยูที่ 1-2 ต่อพัน หรือน้อยกว่า (ถ้าเอา ATK มารวม)
มาตรการต่าง ๆ ก็ต้อง เปลี่ยนไป ไม่มีการติดตาม time line แล้ว
ไม่มีการปิดบ้านปิดเมือง มาตรการจะมุ่งเน้น ลดความรุนแรงในกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง โรคประจำตัวจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ลดการสูญเสีย
การตรวจวินิจฉัย ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าอาการน้อยหรือไม่มีอาการ การตรวจ ATK ก็น่าจะเพียงพอ
การตรวจ RT-PCR มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่สามารถทำได้ทั่วถึง จะทำในกลุ่มมีอาการมากเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง หรือต้องดูแลเป็นพิเศษ
การดูแลรักษาก็เช่นเดียวกัน เราคงไม่สามารถแยกผู้ติดเชื้อออกมาอยู่โรงพยาบาลสนาม hospitel อย่างแต่ก่อน
ถ้าบ้านสามารถแยกสัดส่วนได้ ก็อยู่บ้าน รักษาตามอาการ จะใช้ยาต้านไวรัสในกลุ่มผู้ที่มีอาการมาก เช่น
ไข้สูง หรือกลุ่มเสี่ยง ผู้ที่แข็งแรงดี อาการน้อย การรักษาตามอาการก็เพียงพอ ฟ้าทะลายโจรก็มีประโยชน์
การแยกผู้ติดเชื้อ ก็ใช้ระยะเวลา 10 วัน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ก็แยกตัว (Isolation) ตรวจ ATK วันที่ 3 วันที่ 7 ถ้าให้ผลลบก็ไปทำงานได้
แต่ให้ป้องกันตัวเองเต็มที่ต่อไปอีก 5-7 วัน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำสามารถทำงานได้ โดยป้องกันตัวเอง และสังเกตอาการอย่างเต็มที่ 7 วัน
จะเห็นว่ามาตรการต่าง ๆ มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงตลอดตามสถานการณ์