นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของ "นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่" ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และขอให้เร่งรัดการสั่งคดีที่เกี่ยวข้องกับการเผาหมู่บ้านใจแผ่นดิน บางกลอยบน ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อปี 2554 และคดีการฆาตกรรมนายบิลลี่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสั่งฟ้องคดี
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คดีการเผาหมู่บ้านใจแผ่นดิน ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 มีการกล่าวหานายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งได้ตรวจสอบกับอัยการคดีปราบปรามทุจริตภาค 7
ล่าสุดพบว่าหลังจาก ป.ป.ท. ทำสำนวนส่งมาให้อัยการพร้อมแจ้งข้อกล่าวหากับ "นายชัยวัฒน์" ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แต่ อัยการมีความเห็นว่าควรแจ้งข้อหาเพิ่ม คือ วางเพลิงเผาทรัพย์ และทำให้เสียทรัพย์
จึงส่วสำนวนให้ป.ป.ท.ทำสำนวนใหม่อีกครั้ง ซึ่งจากการประชุมกันทั้งสองฝ่ายแล้วยังหาข้อยุติไม่ได้ เนื่องจากหากสั่งฟ้องไปเพียงข้อหาเดียวก่อน และฟ้องข้อหาอื่นภายหลังจะทำให้เป็นการฟ้องซ้ำ และทำให้คดีมีความเสียหายได้ แต่จนถึงขณะนี้ ป.ป.ท.ยังไม่ส่งสำนวนกลับมายังอัยการ
ส่วนคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ข้อหาฆ่าผู้อื่น และข้อหาอื่นๆ ซึ่งเมื่อส่งสำนวนมาให้อัยการได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในบางข้อหา และดีเอสไอมีความเห็นแย้งอัยการ และสอบสวนพยานเพิ่มเติม ก่อนที่ส่งมาให้สำนักงานชี้ขาดคดีเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสำนวนคาดว่าเร็วๆ นี้จะมีความเห็นทางคดี
นายประยุทธ ยังกล่าวว่า ในคดีแรกที่ป.ป.ท.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ตามกฎหมายแล้วไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะต้องมาให้อัยการเมื่อใด แต่คาดว่าจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนที่คดีจะหมดอายุความ
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า คดีนี้ผ่านมาแล้วกว่า 11 ปี จนทำให้ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ที่มีอายุความ 10 ปี สิ้นสุดลงไป แต่ยังเหลืออีก 2 ข้อหาที่ยังต้องติดตามว่า ป.ป.ท.จะส่งสำนวนมาให้อัยการเมื่อใด
อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้ที่ ป.ป.ท.มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ตามมาตรา 157 ไป แต่หากอัยการเห็นควรจะแจ้งข้อกล่าวหาใดเพิ่มก็สามารถแจ้งได้ทันที ไม่ต้องรอกระบวนการส่งกลับสำนวน เพราะจะทำให้คดีล่าช้า คล้ายกับการประวิงเวลาจนทำให้คดีหมดอายุความ