สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบยาวนานต่อการดำเนินชีวิตของคนในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ต้องเผชิญกับความยากลำบาก และเกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น เรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของการศึกษา เพราะการระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ ทำให้เด็กไทยต้องหลุดจากระบบการศึกษาเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา มีการสำรวจพบว่า เด็กไทยหลุดออกจากระบบการศึกษามากถึง 238,707 คน ทำให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ หาแนวทาง และแก้ปัญหาเชิงรุกผ่านโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน”
โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) พร้อมด้วย 11 พันธมิตรจากหน่วยงานภาครัฐ
กระทรวงศึกษาธิการ รายงานข้อมูลว่า สาเหตุที่เด็กต้องหลุดระบบการศึกษาไปนั้น นอกจากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ยังเป็นเรื่องของความจำเป็นทางครอบครัว หรือผู้ปกครองมีรายได้น้อยไม่พอเพียงด้วย โครงการนี้จึงเริ่มต้นเมื่อปลายปี 2564
ช่วงเวลาไม่กี่เดือน สามารถตามเด็กกลับเข้าระบบการศึกษาได้ จนถึงขณะนี้พบว่าเหลือ 8,741 ราย (ที่เหลือเป็นกลุ่มผู้พิการ สพฐ. 886 ราย และ กศน. 8,326 ราย) พร้อมตั้งเป้าค้นหาเด็กที่หลุดจากระบบ กลับมาให้ได้ครบ 100% ในปีนี้
สำหรับการรายงานตัวเลขในเดือนสิงหาคม 2565 พบข้อมูลดังนี้
สำหรับจำนวนเด็กหลุดจากระบบการศึกษาคงเหลือ 17,953 คน แบ่งเป็น
อย่างไรก็ตามกลุ่มเด็กที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว กระทรวงศึกษาธิการ จะมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและป้องกันการหลุดจากระบบการศึกษาซ้ำ โดยดูแลช่วยเหลือตามสาเหตุ เช่น จัดหาทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีฐานะยากจน บิดามารดาเสียชีวิต หรือกรณีเรียนรู้ช้า ก็ปรับวิธีการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับระดับความสามารถ และสอนซ่อมเสริม