ผวา กม.กัญชาฯใหม่ บทลงโทษหนัก ทุบรายย่อยเจ๊ง สต็อกทะลักไร้คนซื้อ

17 ก.พ. 2567 | 08:13 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.พ. 2567 | 08:22 น.

ระงม! ผู้ปลูก ผู้ผลิต ผู้ค้า และเครือข่ายกัญชาฯ ย้ำร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ฉบับใหม่กระทบหนัก หวั่นบทลงโทษส่งผลต่อภาคธุรกิจจ่อทำรายเล็กเจ๊ง ด้าน “เพ ลา เพลิน” ชี้ผลประกอบการหายไป 50% ขณะที่ผลผลิตทางการแพทย์ยังมีข้อจำกัด สต็อกล้นทะลักไร้คนซื้อ

ร่างพ.ร.บ.กัญชากัญชง ฉบับใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เมื่อนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศนำร่างฯดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่า ประเด็นหลักคือการผลักดันให้ใช้ “กัญชาเพื่อการแพทย์แทนที่กัญชาเพื่อสันทนาการ” พร้อมบทลงโทษที่จะเกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยทั้งในกลุ่มผู้ปลูก ผู้ผลิต และผู้ค้า รวมไปถึงผู้ที่ต้องการนำไปใช้เพื่อสันทนาการ ต่างได้รับผลกระทบถ้วนหน้า 

นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวพัทลุง เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับใหม่ ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ว่า พ.ร.บ.กัญชา กัญชงฉบับใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขนี้ อาจจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งกับคนที่ทำกัญชา ทั้งคนปลูก คนขาย คนนำเข้าได้ จึงเป็นข้อเสีย ซึ่งต่างกับร่างของพ.ร.บ.ฉบับแรก (โดยพรรคภูมิใจไทย) ที่ระบุชัดเจนว่า ทำให้ประชาชนปฏิบัติได้อย่างชัดเจนและทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำข้อวินิจฉัยส่วนตัวไปกลั่นแกล้งใครได้เลย

มาตรการของพรรคภูมิใจไทยมีการเขียนละเอียดอย่างชัดเจนว่าควรห้ามสูบในพื้นที่สาธารณะแบบใดบ้างแต่ส่วนของคุณหมอชลน่าน ห้ามใช้กัญชาเพื่อสันทนาการซึ่งเป็นการเขียนไม่ละเอียดชัดเจนและไม่ได้เขียนห้ามใช้ในพื้นที่ไหนบ้างซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนประชาชนจะปฏิบัติตามไม่ถูกและเจ้าหน้าที่สามารถใช้ข้อวินิจฉัยส่วนตัวทำให้พ.ร.บ.กัญชาชุดนี้มีความคลุมเครือและส่งผลกระทบต่อประชาชน

ผลกระทบต่อมาคือ เรื่องกฎหมายลงโทษซึ่งพ.ร.บ.ใหม่ จะเป็นปัญหาอย่างมากเพราะบทลงโทษค่อนข้างสูงมากกว่าของยาเสพติด แล้วบทลงโทษที่สูงแบบนี้ไม่สามารถปกป้องประชาชนที่มีคนแพ้กัญชาหรือไม่แพ้ เพราะมีมาตรการเขียนไว้ชัดเจน ทำให้ผู้ลงทุนรายเล็กรับผลกระทบค่อนข้างสูงเพราะบทลงโทษสามารถทำให้นักลงทุนรายเล็กเจ๊งได้ เนื่องจากโดนยึดใบขออนุญาตและยึดอุปกรณ์ทั้งหมด ซึ่งอุปกรณ์มีราคาค่อนข้างสูง เกือบหลักแสนบาท สำหรับนักปลูกทั่วไป บทลงโทษสูงจะทำให้รายเล็กอยู่ไม่ได้แต่รายใหญ่อยู่รอดดังนั้นแล้วกัญชาจะกลายเป็นเหมือนเบียร์ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แต่มีไม่กี่คนที่สามารถผลิตได้ เนื่องจากมูลค่าของกัญชาเมื่อนำมาผลิตจะได้กำไรค่อนข้างสูง

ผวา กม.กัญชาฯใหม่ บทลงโทษหนัก ทุบรายย่อยเจ๊ง สต็อกทะลักไร้คนซื้อ ส่วนผลกระทบที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องนำกัญชากลับไปอยู่ในกลุ่มสารเสพติด อยากให้ใช้ข้อเท็จจริงในการพิสูจน์ อย่าใช้กระแสสังคมเป็นตัวกำหนดเพราะจะทำให้ผิดเพี้ยนไปทั้งหมด กัญชามีงานวิจัยทั่วโลกมีคุณสมบัติในการรักษาเช่นโรคมะเร็ง ถ้าใช้ข้อกำหนดมาตรการทางวิทยาศาสตร์มาเป็นตัวกำหนด ก็จะทำให้เห็นข้อเท็จจริงและประโยชน์ของกัญชา

“อยากให้ยึดร่างของกรรมาธิการของรอบที่แล้วเป็นตัวร่างก็ได้ อยากให้กลับมาดูข้อเท็จจริงและกำหนดมาตรการที่เป็นธรรมและชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องการสูบประชาชนมีความกังวลเป็นอย่างมาก พ.ร.บ.ใหม่ ต้องพูดเรื่องการสูบให้ชัดเจนกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเขียนขึ้นมาแค่ห้ามใช้เพื่อสันทนาการ ต้องระบุบด้วยว่าใช้คนเดียวหรือสองคน

ประการต่อมาเรื่องบทลงโทษให้สมกับความเป็นยาเสพติดเพราะบทลงโทษของฉบับนี้มีความรุนแรงเกินไปรุนแรงกว่าโทษของยาเสพติด และสุดท้ายหลักการและหัวใจของกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้วเมื่อไรที่หมอเปลี่ยนหลักการเปลี่ยนจากกัญชาไปเป็นยาเสพติดทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด อาจจะทำให้ชุมชนและชาวบ้านเกิดความไม่พอใจที่ตอนนี้ปลูกกัญชาและพัฒนากันมาในกว่า 1 ปี”

“อยากให้กระทรวงรับฟังความเห็นของประชาชนและเอาความเห็นของประชาชนมาพิจารณาและนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเทียบเคียงกับสิ่งที่ประชาชนเสนอและควรออกมาตรการอย่างไร”

ด้านนางสาวธนัชชา ชลายนนาวิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท จำกัด กล่าวว่า สำหรับเพ ลา เพลิน ทำการผลิตกัญชง-กัญชา แต่ต้นน้ำกลางน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ปลูกเป็นระบบปิด Medical Grade 100% และมีคอนแทคฟอร์มมิ่งร่วมกับเกษตรกรอีก 3 ราย ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสความสนใจเรื่องนี้ในปัจจุบันดรอปลงไปมาก พาร์ทเนอร์ที่ร่วมงานกันในทุกฝ่ายต่างรอความชัดเจนในเรื่องกฎหมาย หลากหลายโปรเจ็กต์ที่ได้พูดคุยกันไว้ก็ถูกชะลอออกไป ซึ่งเพ ลา เพลิน ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งโดยเฉพาะโรงงานที่รับซื้อผลผลิตนำไปสกัดสารสำคัญ แต่ยังดีที่การรับซื้อทางการแพทย์ส่งให้โรงพยาบาลและคลินิก ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นอกจากนี้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ก็ยังคงรับซื้อผลผลิตอยู่แม้จะลดปริมาณน้อยลง

โดยการขายผลผลิตให้กับทางการแพทย์ของเพ ลา เพลิน ยังจำกัดอยู่ที่ 40% ส่วนในภาคอุตสาหกรรมจะมีสัดส่วนมากถึง 60% เพราะออร์เดอร์ผลผลิตแต่ละครั้งจะเป็นล็อตใหญ่ และนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากกว่าการแพทย์ เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง สปา อุตสาหกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อย่างน้ำมันจากเมล็ดกัญชง-กัญชา ตลอดจนเส้นใย

“ก่อนหน้านี้ความต้องการผลผลิตในตลาดสูงมากและมีความถี่ในการซื้อสูงมากเช่นกัน ถ้าเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าลดลงมาเฉลี่ยประมาณ 50% หลายฝ่ายต่างรอดูความชัดเจนของกฎหมาย เพื่อมาปรับใช้กับการออกโปรดักต์ใหม่ ต่างต้องการจะทราบว่ากฎหมายต้องการควบคุมหรือจำกัดการซื้อการขายอย่างไรบ้าง ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันมาตั้งแต่การเลือกตั้ง การเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รวมถึงนโยบายของรัฐบาล”

อีกส่วนหนึ่งในแวดวงสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยพบว่า ผู้ประกอบการรายย่อยที่ทำการปลูกหรือผลิตกัญชา-กัญชง ค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะมีผลผลิตออกมารอตลาดแต่ไม่สามารถขายได้และไม่มีแหล่งรับซื้อที่แน่นอน ไม่สามารถแปรรูปออกมาเป็นสิ้นค้าอื่นได้ ซึ่งการปลูก สายพันธุ์ และการรับซื้อของแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน หลายคนกำลังดิ้นรนเพื่อหาช่องทางการขายระหว่างรอกฎหมายที่ชัดเจน แต่มีอยู่หลายรายที่ไม่สามารถรอได้แล้วล้มเลิกการปลูกไปอย่างสิ้นเชิง หากไม่มีมาตรการหรือกฎหมายที่ชัดเจนออกมาโดยเร็ว เกรงว่าการพลิกโฉมของวงการกัญชา-กันชง ที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน จะกลับลงไปสู่ใต้ดินและผิดกฎหมายและควบคุมได้ยากกว่าเดิม

นางสาวธนัชชา กล่าวว่า อยากให้ภาครัฐและหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สนับสนุนเกษตรกรให้ต่อเนื่องจริงจัง เพราะเกษตรกรบางรายยอมทิ้งทุกอย่างแล้วนำเงินทั้งหมดมาลงทุนปลูกหลังจากรัฐบาลประกาศให้กัญชา-กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ได้รับผลกระทบและลำบากมาก ภาครัฐอาจจะตั้งทีมขึ้นมาเพื่อบูรณาการทำงานร่วมกัน เพราะในอุตสาหกรรมนี้ไม่ใช่แค่ใช้ในหน่วยงานสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับพาณิชย์ การค้า รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งหมด