AHC ชี้ธุรกิจ รพ.โตแรง เตรียมจับมือทุนไต้หวันขยายฐานลูกค้า
AHC เผยแนวโน้มธุรกิจ รพ.ไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง เตรียมจับมือพันธมิตรจากไต้หวัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ-ขยายฐานลูกค้าทุกช่วงวัย ให้บริการนวัตกรรมตรวจเช็คโรคความเสี่ยงจากพันธุกรรม
นายสิริพจน์ มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร บริษัท โรงพยาบาลเอกชล จำกัด (มหาชน) หรือ AHC กล่าวว่า ผลประกอบการของ AHC ในไตรมาส 1 ปี2567 มีรายได้รวม 446.28 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.70 ล้านบาท ในขณะที่ทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการเปิดศูนย์บริการเต็มระบบทั้ง IPD (In-Patient Department) หรือ “ผู้ป่วยใน” และ OPD (Out-Patient Department) หรือ“ผู้ป่วยนอก ICU รวมถึง (Intensive Care Unit) หรือ “ผู้ป่วยวิกฤต” ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปิดปรับปรุง และพร้อมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้แล้ว จำนวนรวมกว่า 20 ห้อง
ทั้งนี้ บริษัทฯได้เดินหน้าตามแผนงานเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เตรียมเซ็นสัญญากับพันธมิตรจากประเทศไต้หวัน เพื่อเปิดให้บริการนวัตกรรมตรวจเช็คโรคความเสี่ยงที่เกิดจากพันธุกรรม อาทิ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติแต่กำเนิด เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเหล่านี้ได้ในอนาคต ทั้งยังเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ผลิตจากสารสกัดออร์แกนิค ที่ได้รับมาตรฐานจากประเทศไต้หวันและสากล เพื่อรองรับความต้องการกลุ่มลูกค้าหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ผิวพรรณ
สำหรับโรงพยาบาลเอกชลยังเป็นโรงพยาบาลที่มีจุดเด่นในเรื่องของการดูแลบริการ “กลุ่มแม่และเด็ก” เนื่องจากเด็กมักจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ ทางโรงพยาบาลจึงจัดแพทย์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแม่และเด็กประจำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการใช้บริการนอกเวลาที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยช่วงไฮซีซันของธุรกิจในช่วงฤดูฝนจะส่งผลให้มีผู้ใช้บริการ “กลุ่มแม่และเด็ก” ของโรงพยาบาลมากขึ้น และคาดว่ามีปัจจัยสนับสนุนจากช่วงเปิดเทอมด้วย
นายสิริพจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทฯได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาโรคซับซ้อน อุปกรณ์ทางการแพทย์ด้านหัตถการ การผ่าตัดส่องกล้องแบบ MIS (Minimally Invasive Surgery) ช่วยให้ผู้ใช้บริการฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งหัตถการการผ่าตัดที่สามารถส่องกล้องได้ อาทิ ผ่ากระดูกสันหลัง ข้อเข่า ข้อหัวไหล่ และนวัตกรรมการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำอุณหภูมิสูง เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นต้น เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่มีความต้องการใช้บริการด้านเฉพาะทางมากขึ้น ช่วยผลักดันรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15%