ปัญหาจากการ “พลัดตกหกล้ม” เป็นเรื่องสำคัญ ที่สร้างความเสียหายทั้งในระดับบุคคล ครัวเรือน และประเทศ อย่างรุนแรง ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ปี 2565 ระบุว่า มีผู้ป่วยใน (IPD) จากการพลัดตกหกล้มสูงถึง 9 หมื่นคน และมีผู้ที่พลัดตกหกล้มเป็นประจำ เฉลี่ยปีละ 3 ล้านคน
กรมควบคุมโรค ระบุว่า แต่ละปีคนไทยเสียชีวิตจากพลัดตกหกล้มสูงถึง 1,600 คน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ในกลุ่มของการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ (Unintentional) รองจากอุบัติเหตุทางถนน
บางครัวเรือนขาดรายได้เพราะต้องดูแลผู้ป่วย มีค่าใช้ทางตรงและทางอ้อมในการดูแลเฉลี่ย 1.2 ล้านบาท ปัจจุบันรัฐจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยพลัดตกหกล้มปีละ 1,500 ล้านบาท
รศ.ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ปัญหาการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุมีความเชื่อมโยงกับปัจจัยทางสังคม สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น
สาเหตุของการพลัดตกหกล้มมีตั้งแต่การลื่น สะดุด ไปจนถึงภาวะมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง ตลอดจนผลกระทบจากการรับประทานยารักษาโรค ฯลฯ ซึ่งนอกจากการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันการเสียชีวิตแล้ว การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นมาตรการที่สำคัญและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า
ปัจจุบันมีข้อมูลทางวิชาการและงานวิจัยที่เข้ามาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาพลัดตกหกล้ม ซึ่งฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มีบุคลากร คณาจารย์ และเครือข่ายนักวิจัย ที่ได้ทำการศึกษาและต่อยอดงานวิจัยไปสู่การสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมจำนวนมาก เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยสังคมไทยรับมือกับสังคมสูงวัยและปัญหาพลัดตกหกล้ม
สอดรับกับวาระครบรอบ 90 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะมหาวิทยาลัยเพื่อประชาชน ธรรมศาสตร์จึงได้ประสานความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) จัด “มหกรรมงานวิจัย 90 ปี นวัตกรรมธรรมศาสตร์เพื่อประชาชน” ขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bacc) ระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2567 เวลา 10.00-16.00 น.
ภายในงานมีการจัดแสดง “7 นวัตกรรมธรรมศาสตร์เพื่อสังคมสูงวัย” ภายใต้ธีม “ร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกัน พลัดตกหกล้ม” พร้อมกับมอบนวัตกรรมธรรมศาสตร์ “อุปกรณ์ออกกำลังกายและฟื้นฟูสำหรับการฝึกลุกยืนสำหรับผู้สูงอายุ” (Sit to Stand Trainer) ให้กับ กทม. เพื่อนำไปให้บริการประชาชนต่อไป
สำหรับ 7 นวัตกรรมธรรมศาสตร์เพื่อสังคมสูงวัย ที่นำมาจัดแสดง ประกอบด้วย
1. เภสัชพันธุศาสตร์ของโรคมะเร็งท่อน้ำดีและมาลาเรีย เพื่อนำไปสู่การแพทย์แม่นยำระดับประชากรและผู้ป่วยเฉพาะราย โดย ศ.ดร.เกศรา ณ บางช้าง วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์
2. โปรแกรมวิจัยชั้นแนวหน้าด้านวิศวกรรมการแพทย์ ระดับ World Class โดย ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. อุปกรณ์ฝึกการทำงานของแขน แบบฝึกแขนสองข้าง ผ่านกลไกสะท้อนแบบสมมาตรสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดย ผศ.ดร.บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ คณะวิศวกรรมศาสตร์
4. บ้านแสนอยู่ดี 100,000 UD HOUSE สำหรับผู้สูงอายุที่มีความพิการ ของหน่วยวิจัยและออกแบบเพื่อคนทั้งมวล โดย รศ.ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง
5. อุปกรณ์ตรวจวัดมุมการเปลี่ยนแปลงการทรงตัวและแจ้งเตือนก่อนสูญเสียการทรงตัว โดย รศ.ดร.ไพลวรรณ สัทธานนท์ คณะสหเวชศาสตร์
6. เตียงพลิกตัวอัตโนมัติป้องกันแผลกดทับ โดย รศ.ดร.จิณพิชญ์ชา สนธิยมาส คณะพยาบาลศาสตร์
7. เอไอเชสฟอร์ออล (AIChest4All) โดย ศ.ดร.จาตุรงค์ ตันติบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์
ภายในงานยังมีกิจกรรมการเสวนา 2 เวที คือ
1. เวทีการพูดคุยถึงการเจาะลึกและพัฒนานวัตกรรม โดย ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะนักวิจัยที่คว้ารางวัลวิชาการระดับโลกจำนวนมาก และ ศ.ดร.เกศรา ณ บางช้าง วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2564 และ
2. เวทีฉายภาพสถานการณ์พลัดตกหกล้ม โดย รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ