กรมการแพทย์ เตือนภัย ระวังโรคตาติดเชื้อที่มาพร้อมน้ำท่วมขังนาน โอกาสเกิดโรคภัยไข้เจ็บย่อมมีเพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง ไข้หวัดใหญ่ โรคไข้ฉี่หนู หรือ โรคเลปโตสไปโรซิส โรคน้ำกัดเท้า หรือ ฮ่องกงฟุต โรคไข้เลือดออก โรคไข้สมองอักเสบ ซึ่งไม่เพียงแต่สุขภาพทั่วไป
การดูแลสุขภาพดวงตามิให้เกิดโรคตา คือ เยื่อบุตาอักเสบหรือตาแดงก็มีความสำคัญซึ่งในกลุ่มผู้มีอาการเป็นภูมิแพ้อากาศขึ้นตาเยื่อบุอักเสบ ตาแดง ไม่ควรมองข้ามอาจติดเชื้อแบคที่เรีย ไวรัส และภูมิแพ้อากาศได้แนะหากมีอาการตาแดงผิดปกติควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมต้องระมัดระวัง ติดตามข่าวสารจากทางราชการ และเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ
1.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ
2.กลุ่มโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ
3.กลุ่มโรคที่มักเกิดตามมากับน้ำท่วม
นพ.อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่องเป็นสาเหตุทำให้โรคหลายชนิดที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว
โรคสำคัญที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในสถานการณ์น้ำท่วมขังนี้ นอกจากโรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โรคไข้หวัดนก โรคปอดอักเสบ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคฉี่หนู หรือโรคแลปโตสไปโรซิส หรือโรคที่มียุงเป็นพาหะนำโรค เช่น ไข้เลือดออก โรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเจอี แล้วยังมีโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดงที่ต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ
จากสภาพอากาศที่อับชื้นและเย็นลงซึ่งเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค หากเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่แข็งแรง อาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาเยือน ไม่เพียงแต่เสี่ยงกับโรคระบบทางเดินหายใจ หรือ โรคทางผิวหนังแล้ว ดวงตาก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะ โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบสามารถเป็นได้น้ำที่ท่วมขังก็อาจจะมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย เมื่อน้ำที่สกปรกนั้นกระเด็นเข้าตาเราก็จะเกิดการติดเชื้อไปอย่างรวดเร็ว
อาการรุนแรงที่สุดจะมีอาการอักเสบ เคืองตาอย่างรุนแรง ตามัว หากมีปัญหากับดวงตาหรือมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์
นพ.เอกชัย อารยางกูร รองผู้อำนวยการด้านจักษุวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ดวงตามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาวะเหตุการณ์น้ำท่วมขังในขณะนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคตาติดเชื้อได้มาก โดยเฉพาะโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือตาแดง ซึ่งอาการของนั้นเกิดได้จากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียเข้าดวงตา ถึงไม่เป็นโรคอันตรายถึงชีวิตเพราะหายได้เอง แต่ถ้าไม่ได้รักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้
หากได้รับเชื้ออาการตาแดงจะรู้สึกเคืองตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากจะเกิดได้ภายใน 1-2 วัน และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 2 สัปดาห์
เกิดอาการตาขาวมีสีแดงเรื่อ ๆ ระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ เช่น โรคตาแดง ที่อาจเกิดจากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หรือนำมือที่เปื้อนสิ่งสกปรกไปสัมผัสโดนดวงตาหรือหากเกิดจากติดเชื้อไวรัส
หนังตาจะบวม น้ำตาไหลมาก ต่อมน้ำเหลืองกกหูบวม ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ตาแพ้แสงหากติดเชื้อแบคทีเรียจะมีขี้ตาสีเขียว หรือสีเหลือง มีน้ำตาไหล ตาแฉะ มองเห็นไม่ชัดและหากเกิดจากการแพ้ จะรู้สึกคันตา แสบตา มีน้ำตาไหล
หากมีอาการตาแดง ควรพักผ่อน ลาหยุดงานจนกว่าจะหายเพื่อลดการระบาดของโรค และสามารถใช้น้ำตาเทียมช่วยหากมีอาการระคายเคืองตามาก และควรพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาโรคต่อไป
1.หากน้ำท่วมขังกระเด็นเข้าตาหรือมีฝุ่นละอองเข้าไปในตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าและดวงตาให้สะอาดทันที
2.ไม่ปล่อยให้เด็กเล็กลงเล่นน้ำโดยลำพัง เพราะเด็กอาจจมน้ำและช่วยเหลือไม่ทัน หรือถูกสัตว์มีพิษที่หนีน้ำมากัดต่อยได้
3.ไม่ทิ้งขยะทุกชนิด หรือขับถ่ายของเสียลงน้ำท่วมขัง ให้ทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลลงในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่นแล้วเก็บไว้ในที่แห้ง
4.รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ร้อน สะอาด เพื่อป้องกันโรคอาหารเป็นพิษและโรคอุจจาระร่วง
5.หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำเป็นเวลานาน ควรใส่รองเท้าบู๊ททุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคที่มักเกิดตามมากับน้ำท่วม รีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งเสมอ