นางสาวนทพร บุญบุบผา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงาน “ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity” ซึ่งจัดขึ้นโดยกรุงเทพธุรกิจ ภายใต้หัวข้อ “Thailand Wellness Tourism Competitiveness” ว่า
ปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจในเรื่อง Healthcare กันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เข้ามาช่วงชิงตลาดนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในเรื่องการเจ็บป่วยหรือการเจ็บป่วยเล็กน้อยก่อนไปโรงพยาบาล เพราะคนมักจะตื่นกลัวกับอาการเจ็บป่วยมากขึ้นหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด-19 เป็นวัฒนธรรมใหม่ของการดูแลสุขภาพก่อนจะเข้าสู่ขั้นที่เกิดการเจ็บป่วยจริงๆ ช่วยการลดค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพได้ในอนาคตอันไกล้ โดยปี 2575 คาดการณ์ว่าธุรกิจด้านนี้จะสามารถเพิ่มจีดีพีให้ประเทศไทยจากปัจจุบันได้เป็น 3 เท่า
“หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ผู้คนเริ่มสังเกตอาการเจ็บปวยของตัวเองมากขึ้น เริ่มค้นหาข้อมูลเมื่อเกิดความผิดปกติกับร่างกาย แม้กระทั่งการเจ็บไข้ได้ป่วยเพียงเล็กน้อยอย่างการไอหรือการคัดจมูก ฉะนั้นในอนาคตผู้คนอยากก็ได้เครื่องมือหรือการประเมินด้วย AI เพื่อให้แน่ใจว่าป่วยเป็นอะไร ก่อนตัดสินใจหาข้อมูลรักษาเยียวยาตัวเองและพบแพทย์ในขั้นต่อไป”
จะเห็นว่าตอนนี้ คนให้ความสนใจเรื่อง Healthy-Eating เป็นวงกว้าง ค่าใช้จ่ายในกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง เพราะเมื่อไม่อยากเจ็บป่วยก็มักหาอาหารเสริมมากิน เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทั้งการบริหารจัดการเรื่องนอนหลับพักผ่อน ตลอดจนการออกกำลังกายมากขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงเรื่อง Beauty โดยเฉพาะธุรกิจความงาม ถือว่ามีอัตราส่วนการเติบโตที่สูงมากในประเทศไทย โดยผู้ประกอบการในหลายธุรกิจพยายามจะปรับให้เข้ากับเทรนด์ของผู้บริโภค ทั้งยังมุ่งสู่เมกะเทรนด์และเป็น Creative Healthcare
นางสาวนทพร กล่าวว่า จริงๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้คนป่วยมี 3 สาเหตุ ปัจจัยที่ 1 คือสภาวะแวดล้อม ยกตัวอย่าง PM.2.5 ถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากและเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคตามมา เช่น โรคมะเร็งปอด 2. ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน 3. คือเรื่องของพันธุกรรม ที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นต่อรุ่น เช่น มะเร็งเต้านม ซึ่ง
สามารถป้องกันได้ แต่การดูแลรักษาป้องกันการเกิดโรคก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย ต้องประเมินความเสี่ยงของแต่ละบุคคลเพื่อให้การดูแลรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง มีทางเลือกในการรักษาที่หลากหลาย ตรงกับร่างกายของแต่ละคน
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มโรค NCDs ที่สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของผู้สูงอายุในประเทศไทย ในปี 2531-2564 อัตราการเติบโตของผู้สูงอายุสูงถึง 19.6% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ทำให้โรค NCDs เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ แม้กระทั่งมะเร็ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และส่วนใหญ่มักจะตรวจพบในช่วงที่ป่วยเป็นโรคอย่างเต็มตัวแล้วก่อนเข้าสู่การรักษา หากการตรวจโรคเชื่อมโยงสู่เรื่อง Wellness จะรักษาได้ง่าย วินิจฉัยได้เร็วจากอาการผิดปกติก่อนจะป่วย บางครั้งคนสุขภาพดีเหมือนกันอาจมียีนส์เจ็บป่วยต่างกัน
“เรื่องของเวลเนสที่ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีอย่าง AI จะสามารถตรวจคัดกรองสุขภาพและทำนายการเจ็บป่วยได้ รวมถึงคัดกรองอาการแพ้อาหาร โดยเป็นข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล เพื่อให้เรารู้ว่า เราจะตัดสินใจไปไหน ทำอะไร เมื่อไหร่ กับใคร ช่วยให้ การบริหารจัดการเรื่องสุขภาพได้ดีขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพด้วย”