เชียงใหม่ผนึกกงสุลต่างประเทศ เดินหน้าเมืองเทศกาลโลก จัด Street Art พ.ย.นี้

04 ก.ค. 2567 | 07:50 น.

เชียงใหม่พร้อมทำ City Branding ขับเคลื่อนเมืองเทศกาล ผนึกความร่วมมือกงสุลต่างประเทศพัฒนาและยกระดับงานนานาชาติ ด้านกงสุลใหญ่อเมริกาสนใจจัดงานเทศกาล Street Art ในเดือนพ.ย.นี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นประธานการจัดประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเชียงใหม่เมืองเทศกาล (Chiang Mai Festival City) เพื่อหารือและเตรียมความพร้อมการจัดงานตามปฏิทินเทศกาลเชียงใหม่ 12 เดือน 12 ธีมที่บูรณาการร่วมกันระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ 

 สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ หรือ สสปน. ภาคเหนือ ได้นำเสนอแนวทางการทำตลาดจุดหมายปลายทาง (Destination Marketing) เชิงรุกด้วยการสร้างภาพลักษณ์เมืองที่ชัดเจนและตอกย้ำภาพจำของจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะเมืองเทศกาลโลก ซึ่งปฏิทินเทศกาล 12 เดือน 12 ธีม ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง City Branding โดยนำจุดขายที่ถือเป็น DNA หรืออัตลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองมาสร้างการรับรู้และภาพจำผ่านการเล่าเรื่องราวในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต

นายสุวัชชัย นิมมานเทวินทร์  ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคเหนือ เปิดเผยว่า ฐานคิดของการทำ City Branding คือ การนำทุนด้านวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ และวิถีชีวิตของนครเชียงใหม่ที่ถือเป็น “ราก” มาส่งมอบเป็นคุณค่า “ร่วม” โดยใช้ธีมในแต่ละเดือนทั้ง 12 เดือนเชื่อมโยงกิจกรรมและเรื่องราวในหลากหลายมิติของเมือง เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาซัพพลายที่มีคุณภาพจากการบูรณาการความร่วมมือในจังหวัด ส่งมอบ 12 อารมณ์ 12 ประสบการณ์และ 12 ความประทับใจแก่ผู้มาเยือน

เชียงใหม่ผนึกกงสุลต่างประเทศ ขับเคลื่อนเมืองเทศกาลโลก

ทั้งยังเป็นการกระตุ้นดีมานด์ผ่านการตลาดเชิงประสบการณ์ หรือ experience marketing สร้างการรับรู้ว่าเชียงใหม่จะไม่หลับใหล ด้วยงานเทศกาล กิจกรรม งานศิลปะ วัฒนธรรม งานประชุม และงานแสดงสินค้าตลอดทั้งปี สอดคล้องกับนโยบาย Ignite Thailand ของรัฐบาลที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของโลก โดยเน้นสร้างจุดขายที่ไม่มีใครเหมือนทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ซึ่งเชียงใหม่มีอย่างครบครัน


ในส่วนการดำเนินงานจากภาคเอกชนนั้น คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) จังหวัดเชียงใหม่, เครือข่าย 12 สถาบันอุดมศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ และภาคประชาชน จะร่วมกันขับเคลื่อนเทศกาลฟื้นคืนจิตวิญญาณเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ร่วมกัน

โดยจะจัดเทศกาลย่อยจำนวน 12 เทศกาลในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2567 ภายใต้เทศกาลฟื้นคืนจิตวิญญาณเมืองเชียงใหม่ อาทิ เทศกาลรอยหัตถกรรมความทรงจำสันกำแพง, Creative Lanna Festival, เทศกาลหัตถรรมหางดง, เทศกาลท่วงทำนองล้านนา, เทศกาลจารึกและพับสาโบราณ ฯลฯ โดยได้วางแผนการเตรียมระบบบริการขนส่งของเมืองเพื่อรองรับช่วงเวลาการจัดงานเทศกาลดังกล่าวผ่านแอพพลิเคชั่น เช่น ขนส่ง Hop และ Move Me เป็นต้น

นอกจากนี้ สถานกงสุลต่างประเทศในจังหวัดเชียงใหม่ ยังแสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือขับเคลื่อนเชียงใหม่เมืองเทศกาล โดยร่วมให้ข้อเสนอแนะในประเด็นการยกระดับงานเทศกาลด้วยการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสถานที่จัดงานพร้อมรายละเอียดด้านขนาด ความจุ และข้อกำหนดในการใช้พื้นที่, ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพระหว่างการจัดงาน, การประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์

ตลอดจนการดำเนินการด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของศิลปินต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของกิจกรรมที่จะสอดคล้องกับปฏิทินเทศกาล 12 เดือน 12 ธีมนั้น สถานกงสุลหลายแห่งให้ความสนใจที่จะร่วมกับ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ จัดงาน The Chiang Mai Expat Festival เทศกาลประชาสัมพันธ์อาหารและวัฒนธรรมนานาชาติในเดือนตุลาคม 2567 

ด้านสถานกงสุลใหญ่อเมริกาได้ให้ความสนใจที่จะจัดเทศกาล Street Art ในเดือนพฤศจิกายน และยังจะให้การสนับสนุนงาน The Edge City Lanna ที่จะจัดขึ้นในเชียงใหม่ช่วงวันที่ 10 ตุลาคมถึง 10 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีนักพัฒนาเทคโนโลยีราว 300 – 1,000 คนมาที่เชียงใหม่ นำมาซึ่งผลกระทบเชิงบวก ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสังคมเชิงบวก ด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งกระชับวัฒนธรรม Start Up ในเชียงใหม่และทั่วโลก 

โดยสถานกงสุลใหญ่อเมริกาวางแผนจะเชื่อมต่อ Edge City Lanna กับหน่วยงานของไทยในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มผลประโยชน์สูงสุดแก่เชียงใหม่  ยิ่งไปกว่านั้น สถานกงสุลอังกฤษจะจัดหาเงินทุนให้ที่ปรึกษาชั้นนำระดับนานาชาติมาเยือนเชียงใหม่ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้คำแนะนำแก่หน่วยงานต่าง ๆ ในเชียงใหม่ในการจัดทำและวางแผนงานเมืองแห่งเทศกาล รวมทั้งจัดตั้งพันธมิตรของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในงานเทศกาลด้วย