เบนซ์ เลิกขายรถน้ำมันเร็วขึ้น 9 ปี ดันไทยฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV

22 ก.ค. 2564 | 12:39 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2564 | 14:58 น.

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เลิกขายรถน้ำมันเร็วขึ้น 9 ปี โดยประกาศยุทธศาสตร์ระดับโลก ขยับเป้าหมายขาย EV 100% มาเป็นปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) แต่แย้มอาจมีบางตลาดยังขายรถเครื่องยนต์ดั่งเดิม ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละประเทศ

วันนี้( 22 ก.ค.) เวลา 18.00 น. เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี แถลงข่าวถึงยุทธศาสตร์รถพลังงานไฟฟ้า EV ระดับโลกฉบับใหม่ ที่ขยับแผนเร็วขึ้น 9 ปี โดยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะขายแต่รถยนต์ไฟฟ้า EV เท่านั้น พร้อมวางโรงงานสำโรง จ.สมุทรปราการ ประเทศไทย ให้เป็นฐานการผลิตในเอเชีย เตรียมเปิดตัว EQS ต้นปี 2565

 

ตามที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เยอรมนี เคยกำหนดเป้าหมายระดับโลกในปี พ.ศ. 2573 ว่าการขายรถยนต์ 50% ต้องเป็นสัดส่วนของ เมอร์เซเดส-เบนซ์รถยนต์ไฟฟ้า xEV ซึ่งหมายรวมถึงรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV  และรถปลั๊ก-อินไฮบริด PHEV จากนั้นวางแผนไกลในปี 2582 ถึงจะขาย EV 100%

 

ล่าสุด นายโอลา คัลเลนเนียส ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เดมเลอร์ เอจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ประกาศปรับยุทธศาสตร์ยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า (e-mobility) ใหม่ โดยในปี 2573 เป็นต้นไป เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะขายเฉพาะรถ EV 100% ซึ่งถือว่าเร็วกว่าแผนเดิมถึง 9 ปี อันสอดคล้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรป และเยอรมนี

 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ยังวางแผนว่า หลังจากปี 2568 เมอร์เซเดส-เบนซ์จะหยุดการพัฒนารถแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และตั้งแต่ปีดังกล่าวจะมี EV เป็นทางเลือกแทรกอยู่ในทุกโมเดลหลัก ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ดังนี้

  • MB.EA แพลตฟอร์ม EV สำหรับรถขนาดกลางและใหญ่
  • AMG.EA  แพลตฟอร์ม EV สำหรับรถสมรรถนะสูง Mercedes AMG
  • VAN.EA  แพลตฟอร์ม EV สำหรับรถตู้

ขณะเดียวกัน ยังวางโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับกิกะเฟคทอรี่ รวม 8 แห่งทั่วโลก (ที่ยืนยันแล้วคือ สหรัฐอเมริกา 1 แห่ง,ยุโรป 4 แห่ง)

Mercedes Benz EQS EV รุ่นแรกที่เตรียมประกอบในไทย

“ถึงเวลาแล้วที่จะเร่งความเร็วบนเส้นทางนี้ ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบสำหรับโปรดักต์ของเรา ซึ่งเราได้เปลี่ยนจาก EV-first เป็น EV-only แต่กระนั้นก้าวของการเปลี่ยนแปลงในแต่ละตลาดจะต่างกันไป” นายโอลา คัลเลนเนียส กล่าว

 

ขณะที่ บริตตา ซีเกอร์ กรรมการในคณะกรรมการบริหารเดมเลอร์ เอจี และเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี กล่าวว่า คงพูดยากว่า รถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) คันสุดท้ายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะหยุดผลิตเมื่อไหร่  เพราะขึ้นอยู่กับลูกค้าและสภาพตลาดนั้นๆ แต่เราได้ประกาศความชัดเจนแล้วว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมผลิต EV 100% ในสิ้นทศวรรษ นี้(ปี ค.ศ. 2030)

 

ตามข้อมูลของ “ฐานยานยนต์” รัฐบาลเยอรมนี ประกาศว่ารถยนต์ใหม่ที่ขายในประเทศจะต้องเป็น EV เท่านั้นในปี 2573 ซึ่งเป็นกำหนดเดียวกับสหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ ส่วนประเทศฝรั่งเศสวางไว้ปี 2583 แต่ประเทศที่เร็วที่สุดคือนอร์เวย์ กำหนดขาย EV 100% ในปี 2568

 

สำหรับประเทศไทย ไม่ตกขบวน รถยนต์ไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ได้รับอนุมัติแผนส่งเสริมการลงทุนในโครงการรถยนต์ไฟฟ้าจากบีโอไอ ทั้งประเภทปลั๊ก-อินไฮบริด และ EV

Mercedes EQ ที่ทำตลาดในปัจจุบัน และรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวใหม่

ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลงทุนร่วมกับธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยที่ โรงงานสำโรง จ.สมุทรปราการ  รวมถึงโรงงานประกอบแบตเตอรี่ บริษัท ธนบุรี เอ็นเนอร์ยี่ สตอเรจ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เพื่อรองรับทั้งรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด และ EV ที่เตรียมขึ้นไลน์ประกอบในปี 2565

 

“เมอร์เซเดส เบนซ์ มีความตั้งใจนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ในไทย และวางให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค” นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2563

 

โดยคาดว่า EV รุ่นแรกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะขึ้นไลน์ประกอบและทำตลาดในไทยคือ EQS หรือ S-Class เวอร์ชันขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

 

สำหรับ EQS แฟลกชิปรถพลังงานไฟฟ้าของแบรนด์ Mercedes EQ เพิ่งเปิดตัวในตลาดโลก วันที่ 16 เมษายน 2564 ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 770 กม. แบ่งการทำตลาดเป็น 2 รุ่นย่อย คือ EQS 450+ มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหลัง 1 ตัวให้กำลัง 328 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.2 วินาที และ EQS 580 4MATIC มอเตอร์ 2 ตัวหน้า-หลัง ให้กำลังรวม 516 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.3 วินาที

 

EQS ถือเป็น EV ลำดับ 4 ที่เปิดตัวต่อจาก EQC EQV และ EQA  ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เพิ่งเสริมทัพ EQB และเตรียมเปิดตัว EQE เร็วๆ นี้

 

ปัจจุบันสัดส่วนยอดขาย 25% ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และแบรนด์สมาร์ทในยุโรป เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า xEV (ปลั๊กอินไฮบริด และ EV) ส่วนเมืองไทยนับตั้งแต่ปี 2559 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขายรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด ไปแล้วกว่า 2 หมื่นคัน