Mercedes-Benz GLB 200 เครื่องยนต์ 1.3 เทอร์โบ ขับหน้า ลุยออฟโรด

Mercedes-Benz SUV Driving Events ปีนี้กลับมาโชว์สมรรถนะบนทางฝุ่นอีกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าจัดตามความเรียกร้องของใครนะครับ แต่ “อัชฌ์ บุณยประสิทธิ์” ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ไม่บันยะบันยังความโหด ด้วยการวางเลย์เอาต์ เนรมิตสนาม พร้อมเสกฝนให้ตก จนแทร็กดินถนนลูกรัง กลายเป็นทางโคลน ...เรียกว่างานนี้ได้เละกันสมใจทั้งคนทั้งรถ

เมอร์เซเดส-เบนซ์เตรียม เอสยูวีครบทุกโมเดลหลัก ตั้งแต่กลุ่มคอมแพกต์ขับเคลื่อนล้อหน้า GLA, Mercedes-Benz GLB200 และขยับขึ้นไปเป็น GLC, GLE รวมถึงตัวท็อปที่ไม่ควรมาทำอะไรแบบนี้อย่าง GLS หรือมากไปกว่านั้น ยังมีตัวแรงในกลุ่ม Mercedes-AMG ทั้ง GLA 35 4MATIC, GLC 43 4MATIC Coupe และ GLE 53 4MATIC

แม้ Mercedes-Benz  SUV Driving Events ปีนี้ ไม่ได้มีรถใหม่ หรือรถระดับแม่เหล็กมาให้ทดสอบ และบางรุ่นก็นับถอยหลังเข้าสู่ปลายอายุโมเดลอย่าง GLC แต่ผมก็ชอบอีเวนต์อะไรแบบนี้ ที่เรามีโอกาสน้อยกว่าการขับรถตัวแรงบนทางเรียบ หรือในสนามแข่ง

อีเวนต์นี้เริ่มต้นด้วยด่าน Academy ใช้ GLC GLE และ GLS ที่กราวด์เคลียร์แลนซ์สูงหน่อย และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC มาขึ้นเนินชัน เนินสลับ ผ่านร่องโคลน และหลุมใหญ่ๆ โดยเราจะได้ทำความคุ้นเคยกับรถ รับรู้พละกำลัง ระบบขับเคลื่อน ที่ช่วยให้รถฝ่าอุปสรรคไปได้ (บางช่วงอาจจะมีติดใต้ท้องรถเล็กน้อย)

จากนั้นเข้าสู่ด่านการขับขี่จริงจัง ซัดกันเต็มๆ แบบทวินแทร็ก ซึ่งผมกระโดดขึ้น Mercedes-Benz GLB200 ก่อนเลย ด้วยความชอบส่วนตัว จากรูปลักษณ์และขนาดตัวถังกะทัดรัด ขณะที่ใต้ฝากระโปรงหน้าวางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.3 ลิตร เทอร์โบ 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีด ลงสู่ล้อคู่หน้า กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และยางเดิมๆ 235/55 R18 น่าสนใจว่ารถจะลุยเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนได้ขนาดไหน

Mercedes-Benz GLB200 เป็นคอมแพกต์เอสยูวี ขับเคลื่อนล้อหน้าที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับ GLA แต่รูปลักษณ์ดูมีเหลี่ยมสัน ออกแนวทะมัดทะแมงกว่า พร้อมสร้างความแตกต่างด้วยการวางเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง กับราคา 2.899 ล้านบาท (GLA200 AMG Dynamic ราคา 2.48 ล้านบาท) โดยผมจินตนาการว่า กำลังขับเบบี้ G-Class ลุยเส้นทางออฟโรด ผ่านโค้งสั้น โค้งยาว โค้งยูเทิร์น หรือเจอหลุมให้ล้อลงไปจุ่มนํ้า (โคลน) กระจายได้สวยๆ และยังใช้ความเร็วได้เต็มๆ ในช่วงทางตรงยาว รวมถึงมีเนินให้รถกระโดดได้เล็กๆ

การขับขี่ผมเลือกใช้โหมดสปอร์ต และปิด ESP หวังให้รถมีแรงตะกุยดินมากที่สุด (ถ้าเปิดระบบ ESP แล้วขับแบบนี้ เมื่อรถคิดว่าเราเสียการทรงตัว จะผ่อนเบากำลังเครื่องยนต์ช่วยเบรกในล้อที่จำเป็น จนไม่สามารถควบคุมรถได้ด้วยตนเองอย่างเต็มที่)

บางช่วงผมเข้าโค้งแรงๆ ยังเจออาการอันเดอร์เสตียร์เล็กๆ หรือหักเลี้ยวแล้วหน้าไม่เข้า ก็ต้องแก้พวงมาลัยและจังหวะเดินคันเร่งกันไป ซึ่งในภาพรวมที่ได้ขับอยู่หลายรอบกับ Mercedes-Benz GLB200 เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ทั้งที่กลุ่ม Mercedes-AMG และรถที่มีระบบ 4MATIC กลายเป็นว่าเอสยูวีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนล้อหน้าคันนี้เร้าใจและท้าทายฝีมือที่สุดแล้วละครับ

สมรรถนะในภาพรวมอาจจะยังห่างจากรุ่นพี่ๆ หรือโคตรเอสยูวีอย่าง G-Class แต่การที่เราไม่ปิดกั้นจินตนาการ และมีโอกาสได้นำรถมาทดสอบในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ขับบนเส้นทางที่เรียกว่าถนนก็ไม่เต็มปาก ทำให้เห็นศักยภาพในแง่มุมที่ต่างไป และยิ่งประทับใจสุดๆ เมื่อได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย พยายามจัดอีเวนต์ทดสอบรถแบบนี้อยู่เรื่อยๆ (จัดบ่อยที่สุดในบรรดาค่ายรถแล้ว) ทั้งทางฝุ่นที่สนามกรังด์ปรีซ์ มอเตอร์สปอร์ตปาร์ค จ. กาญจนบุรี และทางเรียบที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ใครเป็นลูกค้าก็ติดตามข่าวสารได้ทุกช่องทางออนไลน์ หรือติดต่อจองคิวไปที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการได้เลย (แต่หลายอีเวนต์มีค่าใช้จ่ายนะ)

เรื่อง : กรกิต กสิคุณ

ภาพ : เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย