นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Science and Technology for Energy Transition ในงานประชุมสัมมนาเชิงวิชาการสมรรถนะด้านพลังงานระหว่างประเทศ ประจำปี2567 (ERC Forum 2024) ภายใต้หัวข้อ“ Renewable and Sustainable Energy Transition” จัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ระหว่างวันที่16–17 พฤษภาคม 2567 ว่า การปาฐกถาพิเศษดังกล่าวถือเป็นการสื่อสารนโยบาย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เทคโนโลยี ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ภายในประเทศ
ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้วางเป้าหมายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค หรือ EV Hub โดยกำหนดนโยบายที่ท้าทายในการตั้งเป้าผลิตรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดของไทย ภายในปี 2573 ซึ่งกระทรวง อว. ได้ประกาศ นโยบาย อว. For EV สนับสนุนและขับเคลื่อนแผนตามนโยบาย EV ของรัฐบาล
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความเอาจริงเอาจัง ในการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ในวงกว้าง เพื่อพัฒนาคุณภาพอากาศของประเทศ
ขณะเดียวกันกระทรวง อว.เป็นหน่วยงานหลักของประเทศ มีหน้าที่ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมขั้นสูง ร่วมกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์และขับเคลื่อนการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวง อว. ได้ประกาศนโยบาย อว. For EV ซึ่งสนับสนุนนโยบาย EV ของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็น EV Hub ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
สำหรับนโยบาย อว. For EV วางกรอบการทำงานออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ 1. EV-Innovation: กระทรวง อว. กำลังลงทุนเชิงกลยุทธ์ ในด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ด้วยการให้ทุนวิจัย สำหรับการพัฒนาแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทดแทน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีชาร์จ การนำส่งไฟฟ้า เป็นต้น
2. EV-HRD: กระทรวง อว. ได้ริเริ่มผลิตกำลังคนที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ด้วยการจัดหลักสูตรการศึกษาและการอบรมที่มุ่งเน้นด้านพลังงานทดแทน เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และการวางแผนการคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน
3. EV-Transformation: กระทรวง อว. ได้นำร่องปรับเปลี่ยนการใช้ยานยนต์สันดาปมาเป็น EV ภายในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้กระทรวง ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าการริเริ่มนี้จะเป็นจุดเริ่มของการขยายการใช้งานไปทั่วประเทศ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถ EV อย่างแท้จริง