รายงานข่าวระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน โดยมีกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร การยาสูบแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย ได้หารือเกี่ยวกับการศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหายาสูบและยาเส้นราคาตกต่ำ
นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ เปิดเผยว่า ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ ได้ยื่น 4 ข้อเสนอ แก่คณะกรรมาธิการฯ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ ต้องเรียนว่าร่างกฎกระทรวงสาธารณสุขห้ามเติมสารปรุงแต่งในบุหรี่ ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติแล้ว ขณะนี้กำลังรอเสนอต่อครม. ว่ายังเป็นร่างที่มีปัญหา มีการเลี่ยงบาลี ซึ่งอาจตีความได้ว่าไม่ให้เติมส่วนประกอบใด ๆ เลย เป็นสัญญาณที่ไม่ดี อาจทำลายอาชีพของชาวไร่ยาสูบทั้งประเทศ เพราะการบริโภคทั้งหมดคงไปอยู่ที่สินค้าทดแทน สินค้าผิดกฎหมายทั้งหมด จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาจุดสมดุลและเห็นใจชาวไร่ยาสูบด้วย
โดยทาง คณะกมธ. และ สส. จากพื้นที่ปลูกยาสูบทั้งภาคเหนือและภาคอีสานได้มีการสอบถามความเห็นจากทั้งกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร และการยาสูบฯ ถึงประเด็นปัญหาต่าง ๆ อีกทั้งให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1 เดือน เพื่อกลับมานำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาและข้อเรียกร้องของชาวไร่ยาสูบกับคณะกรรมาธิการอีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไป
“ราคาการรับซื้อใบยาสูบไม่มีการปรับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจมากว่า 10 ปี สวนทางกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% หรือกว่า 12 บาทต่อกิโลกรัม ชาวไร่ยาสูบ โดยเฉพาะผู้ปลูกพันธุ์เวอร์จิเนียในภาคเหนือต้องแบกรับค่าปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย น้ำมัน เชื้อเพลิงจากไฟฟ้าและฟืน รวมถึงแรงงาน ที่กลายเป็นตัวเลขรายได้ที่ลดลงทุกปี และชาวไร่ยาสูบก็ยังโดนตัดโควตากว่า 50% ติดต่อกัน 6 ปี โดยสถานการณ์ไม่มีวี่แววที่จะดีขึ้นทั้งจากเรื่องภาษีและบุหรี่เถื่อนที่ถาโถมเข้ามา ดังนั้น การปรับราคารับซื้อให้คุ้มค่ากับต้นทุนในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด และทุกอย่างจะเกิดได้หากผู้รับซื้ออย่างการยาสูบฯ สามารถสร้างรายได้จากภาษีในอัตราที่เหมาะสม”