พิกัด 64 จว.เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน 5-9 ก.ย.67

05 ก.ย. 2567 | 10:41 น.
อัพเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2567 | 10:51 น.

เปิดพิกัดรายชื่อ 64 จังหวัดเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมแรงวันที่ 5-9 ก.ย.นี้ พร้อมตรวจสอบสถานการณ์เขื่อนในไทยที่นี่

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กำชับ 64 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 5 – 9 ก.ย. 2567 โดยพื้นที่เสี่ยงจะมีจังหวัดไหน ภาคใดบ้าง สามารถตรวจสอบได้ดังต่อไปนี้

 

พื้นที่เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง


ภาคเหนือ 15 จังหวัด 

  • จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด 

  • จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม 

พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก 

ภาคเหนือ 17 จังหวัด 

  • จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ ปางมะผ้า ปาย สบเมย) เชียงใหม่ (อ.จอมทอง ฮอด) เชียงราย (อ.แม่สาย เชียงแสน แม่จัน แม่ฟ้าหลวง) ลำพูน (อ.เมืองฯ ลี้) ลำปาง (อ.เมืองฯ แจ้ห่ม ห้างฉัตร เมืองปาน เสริมงาม เกาะคา แม่พริก) พะเยา (อ.ปง เชียงคำ จุน ภูกามยาว) แพร่ (อ.เมืองฯ สอง วังชิ้น ลอง) น่าน (อ.ทุ่งช้าง เฉลิมพระเกียรติ ปัว บ่อเกลือ เชียงกลาง) อุตรดิตถ์ (อ.เมืองฯ ฟากท่า น้ำปาด ตรอน) ตาก (อ.ท่าสองยาง แม่สอด พบพระ อุ้มผาง) สุโขทัย (อ.เมืองฯ ศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม กงไกรลาศ) กำแพงเพชร (อ.ปางศิลาทอง คลองลาน โกสัมพีนคร พรานกระต่าย) พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ นครไทย วัดโบสถ์ วังทอง เนินมะปราง) พิจิตร (อ.โพธิ์ประทับช้าง) เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ หนองไผ่ หล่มเก่า หล่มสัก) นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ แม่เปิน) และอุทัยธานี (อ.บ้านไร่)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด 

  • จังหวัดเลย (อ.นาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย ปากชม) หนองคาย (อ.เมืองฯ สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย โพธิ์ตาก) บึงกาฬ (อ.เมืองฯ ปากคาด บุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา บึงโขงหลง) หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา) อุดรธานี (อ.นายูง น้ำโสม) สกลนคร (อ.เมืองฯ ภูพาน สว่างแดนดิน) นครพนม (อ.เมืองฯ ศรีสงคราม) ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ คอนสาร หนองบัวแดง) ขอนแก่น (อ.เมืองฯ ภูผาม่าน ชุมแพ บ้านไผ่) มหาสารคาม (อ.เมืองฯ) ร้อยเอ็ด (อ.เมืองฯ เสลภูมิ) ยโสธร (อ.เมืองฯ ป่าติ้ว คำเขื่อนแก้ว) อำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ ชานุมาน) นครราชสีมา (อ.ปากช่อง วังน้ำเขียว) บุรีรัมย์ (อ.เมืองฯ) สุรินทร์ (อ.เมืองฯ ปราสาท) ศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ ยางชุมน้อย) และอุบลราชธานี (อ.เมืองฯ วารินชำราบ ตาลสุม น้ำยืน พิบูลมังสาหาร น้ำขุ่น)         

 
ภาคกลาง 18 จังหวัด 

  • จังหวัดกาญจนบุรี (อ.สังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยค ศรีสวัสดิ์) ราชบุรี (อ.ปากท่อ สวนผึ้ง) สุพรรณบุรี (อ.ด่านช้าง) ชัยนาท (อ.หันคา) ลพบุรี (อ.ชัยบาดาล สระโบสถ์ ลำสนธิ) นครนายก (อ.เมืองฯ ปากพลี บ้านนา) ปราจีนบุรี (อ.เมืองฯ ประจันตคาม นาดี กบินทร์บุรี) สระแก้ว (อ.เมืองฯ) ฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต ท่าตะเกียบ) ชลบุรี (อ.เมืองฯ บางละมุง ศรีราชา) ระยอง (อ.เมืองฯ บ้านค่าย ปลวกแดง นิคมพัฒนา) จันทบุรี (อ.เมืองฯ ขลุง ท่าใหม่ เขาคิชฌกูฏ มะขาม) ตราด (ทุกอำเภอ) เพชรบุรี (อ.หนองหญ้าปล้อง แก่งกระจาน) ประจวบคีรีขันธ์ (อ.บางสะพาน บางสะพานน้อย ปราณบุรี) ปทุมธานี (อ.ธัญบุรี คลองหลวง) นนทบุรี (อ.เมืองฯ ปากเกร็ด) และสมุทรปราการ (อ.เมืองฯ บางพลี บางเสาธง)  

ภาคใต้ 11 จังหวัด 

  • จังหวัดชุมพร (อ.ท่าแซะ สวี) สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองฯ คีรีรัฐนิคม พุนพิน พระแสง เวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อ.เมืองฯ เชียรใหญ่ ลานสกา ถ้ำพรรณรา ทุ่งใหญ่) พัทลุง (อ.เมืองฯ ปากพะยูน กงหรา ศรีนครินทร์ ควนขนุน) สงขลา (อ.รัตภูมิ หาดใหญ่ สะบ้าย้อย นาหม่อม) ระนอง (ทุกอำเภอ) พังงา (อ.เมืองฯ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ เหนือคลอง อ่าวลึก คลองท่อม ปลายพระยา เกาะลันตา เขาพนม) ตรัง (อ.เมืองฯ สิเกา ย่านตาขาว กันตัง ห้วยยอด รัษฎา วังวิเศษ) และสตูล (อ.เมืองฯ ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง)

พื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง

ภาคกลาง 4 จังหวัด 

  • จังหวัดชลบุรี (อ.เมืองฯ ศรีราชา เกาะสีชัง บางละมุง สัตหีบ) ระยอง (อ.เมืองฯ บ้านฉาง แกลง) จันทบุรี (อ.นายายอาม ท่าใหม่ แหลมสิงห์ ขลุง) และตราด (อ.เมืองฯ แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด)

ภาคใต้ 6 จังหวัด 

  • จังหวัดระนอง (อ.เมืองฯ สุขสำราญ กะเปอร์) พังงา (อ.เกาะยาว ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า คุระบุรี) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) กระบี่ (อ.เมืองฯ คลองท่อม เกาะลันตา เหนือคลอง อ่าวลึก) ตรัง (อ.กันตัง สิเกา ปะเหลียน หาดสำราญ) และสตูล (อ.เมืองฯ ละงู ท่าแพ ทุ่งหว้า)

ปภ.เปิดพิกัดรายชื่อ 64 จังหวัดเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ได้ประสานแจ้ง 64 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามปริมาณฝนและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน พื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน 

 

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเจ้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง

 

ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล และนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด รวมถึงให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ โดยให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด 

 

"เรายังเตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และขอให้แต่ละจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด" 

 

ปภ.เปิดพิกัดรายชื่อ 64 จังหวัดเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

 

ส่วนทางด้านศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) เปิดเผยสถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยาวันนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,503 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สมทบกับแม่น้ำสะแกกรัง ผ่านสถานีวัดน้ำ Ct.19 จ.อุทัยธานี วัดได้ 52 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที 

 

ปัจจุบันกรมชลประทาน ใช้ระบบชลประทานในพื้นที่ตอนบน และบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ หน่วงน้ำก่อนจะไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา และควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ขณะเดียวกันได้พิจารณาพร่องน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกัน 48,710 ล้าน ลบ.ม. หรือ 64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีก 27,627 ล้าน ลบ.ม.

 

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) ประเมินทิศทางของพายุไต้ฝุ่น “ยางิ” ถึงแม้กรณีพายุไม่ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย แต่อาจมีอิทธิพลที่จะส่งผลให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในวันนี้มีร่องมรสุมพาดผ่านตอนกลางของประเทศ 

 

คาดว่าในช่วง 7 วันข้างหน้านี้จะมีฝนตกหนักเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ในภาคเหนือ โดยเฉพาะบริเวณที่ประสบอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ส่งผลให้มีน้ำท่าเพิ่มสูงขึ้นและมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ อย่างต่อเนื่อง กรมชลประทาน ได้เร่งระบายน้ำในอ่างฯ เพื่อรักษาระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม รวมทั้งเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่อาจจะตกลงมาอีกในระยะต่อไป ลดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำให้มากที่สุด