เตือน 63 จว.เฝ้าระวังฝนตก ลมแรงวันนี้ -3 ต.ค.เช็คพิกัดพื้นที่เสี่ยงที่นี่

วันที่ 29 กันยายน 2567  กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสาน 63 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ รวมถึง กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในช่วงวันที่ 29 ก.ย. – 3 ต.ค. 67 

สืบเนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนประเทศไทยตอนบนมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 3 ตุลาคม 2567 โดยมีพื้นที่เสี่ยงดังต่อไปนี้

• ภาคเหนือ ทุกจังหวัด
• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกจังหวัด
• ภาคกลาง ทุกจังหวัด 
• ภาคใต้ จังหวัดชุมพร

นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ได้ประสานแจ้ง 63 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว  โดยติดตามสภาพอากาศ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า อีกทั้งจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยและทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที   

ขณะที่พื้นที่เสี่ยงภัยประจำวันที่ 29 ก.ย. 2567 ปภ.ได้แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ,เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง และ เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณปากแม่น้ำ และพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่ง  โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 

เฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

1. หนองคาย
2. บึงกาฬ
3. สกลนคร
4. นครพนม

เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง

1. เชียงใหม่
2. เชียงราย
3. ลำพูน
4. ลำปาง
5. แพร่
6. น่าน
7. ตาก
8. สุโขทัย
9. พิษณุโลก
10. เพชรบูรณ์
11. อุดรธานี
12. หนองคาย
13. ชัยภูมิ
14. ขอนแก่น
15. มหาสารคาม
16. ร้อยเอ็ด
17. อุบลราชธานี
18. อ่างทอง
19. สุพรรณบุรี
20. พระนครศรีอยุธยา
21. นครปฐม
22. ปราจีนบุรี
23. นครศรีธรรมราช

เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณปากแม่น้ำ และพื้นที่ราบลุ่มชายฝั่ง

1. ฉะเชิงเทรา
2. ชลบุรี
3. ระยอง
4. จันทบุรี
5. ตราด
6. เพชรบุรี
7. ประจวบคีรีขันธ์
8. สมุทรสาคร
9. สมุทรสงคราม
10. สมุทรปราการ
11. กรุงเทพมหานคร
12. ชุมพร
13. สุราษฎร์ธานี
14. นครศรีธรรมราช
15. สงขลา
16. ปัตตานี
17. นราธิวาส
18. ระนอง
19. พังงา
20. ภูเก็ต
21. กระบี่
22. ตรัง
23. สตูล

ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบัน มีพื้นที่ 17 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย หนองคาย อุดรธานี ชัยภูมิ มหาสารคาม อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และพระนครศรีอยุธยา รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 75 อำเภอ 295 ตำบล 1,466 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,879 ครัวเรือน มีรายละเอียด ดังนี้ 

ภาคเหนือ รวม 10 จังหวัด 45 อำเภอ 150 ตำบล 746 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,428 ครัวเรือน 

1. เชียงราย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย และ อ.แม่ลาว รวม 12 ตำบล 108 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,892 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2. เชียงใหม่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.สารภี อ.หางดง อ.สันป่าตอง และ อ.ดอยหล่อ รวม 11 ตำบล 25 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
3. น่าน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.นาน้อย อ.นาหมื่น และ อ.เวียงสา รวม 9 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 96 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
4. ลำปาง เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.แม่พริก อ.สบปราบ อ.เถิน และ อ.เกาะคา รวม 14 ตำบล 69 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,489 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
5. ลำพูน เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.ป่าซาง อ.บ้านธิ อ.ทุ่งหัวช้าง อ.แม่ทา อ.เวียงหนองล่อง และ อ.บ้านโฮ่ง รวม 29 ตำบล 234 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,113 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
6. แพร่ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ลอง อ.วังชิ้น อ.สูงเม่น อ.เมืองฯ และ อ.เด่นชัย รวม 22 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,151 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
7. ตาก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.สามเงา และ อ.บ้านตาก รวม 5 ตำบล 39 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,315 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
8. เพชรบูรณ์ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ชนแดน อ.ศรีเทพ อ.หล่มเก่า อ.หนองไผ่ และ อ.หล่มสัก รวม 7 ตำบล 21 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 738 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
9. พิษณุโลก เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมืองฯ อ.บางกระทุ่ม อ.วังทอง อ.นครไทย และ อ.วัดโบสถ์ รวม 26 ตำบล 103 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,694 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
10. สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.เมืองฯ รวม 15 ตำบล 51 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,940 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 5 จังหวัด 19 อำเภอ 69 ตำบล 359 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,463 ครัวเรือน 

1. หนองคาย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.เมืองฯ และ อ.โพนพิสัย รวม 26 ตำบล 146 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,717 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
2. อุดรธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ และ อ.สร้างคอม รวม 6 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 270 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
3. ชัยภูมิ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.คอนสวรรค์ อ.จัตุรัส และ อ.เมืองฯ รวม 9 ตำบล 36 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 101 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
4. มหาสารคาม เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองฯ อ.กันทรวิชัย อ.โกสุมพิสัย และ อ.เชียงยืน รวม 19 ตำบล 123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
5. อุบลราชธานี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เขมราฐ อ.โพธิ์ไทร อ.นาตาล อ.โขงเจียม อ.เมืองฯ และ อ.สว่างวีระวงศ์ รวม 9 ตำบล 31 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 352 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

ภาคตะวันออก รวม 1 จังหวัด 5 อำเภอ 7 ตำบล 33 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 982 ครัวเรือน 

1. ปราจีนบุรี เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ประจันตคาม อ.กบินทร์บุรี อ.ศรีมหาโพธิ อ.นาดี และ อ.เมืองฯ รวม 7 ตำบล 33 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 982 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

ภาคกลาง รวม 1 จังหวัด 6 อำเภอ 69 ตำบล 328 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,006 ครัวเรือน 

1. พระนครศรีอยุธยา เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.บางบาล อ.ผักไห่ อ.เสนา อ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน และ อ.บางไทร รวม 69 ตำบล 328 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,006 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น