“เรือพระราชพิธี” ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567

26 ต.ค. 2567 | 21:04 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ต.ค. 2567 | 09:26 น.

“เรือพระราชพิธี” ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567 เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 งานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวราราม

วันนี้ 27 ตุลาคม 2567 เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขอเชิญพสนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน

 

โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สะพานพระราม 8 จนถึงวัดอรุณราชวราราม  ในวันอาทิตย์ที่ 27  ตุลาคม 2567  ตั้งแต่เวลา 15.00 น.-17.00 น.

“เรือพระราชพิธี” ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567

เรือพระที่นั่ง ศรีสุพรรณหงส์

  • เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์ หรือ  เรือสุพรรณหงส์ สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยอยุธยา ลำปัจจุบัน สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 ) แล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เมื่อพุทธศักราช 2454  โขนเรือรูปหัวของหงส์
  • ลำตัวเรือทอดยาว คือ ส่วนตัวหงส์  จำหลักไม้ลงรักปิดทองประดับกระจกมีพู่ห้อย ปลายพู่เป็นแก้วผลึก ตอนกลางลำเรือ มีประทับเรียกราชบัลลังก์กัญญา สำหรับพระเจ้าอยู่หัว หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เรือสุพรรณหงส์ ได้รับรางวัลยกย่อง เป็นเรือมรดกโลก จาก "World Ship Trust" เมื่อศักราช 2535

เรือพระที่นั่ง ศรีสุพรรณหงส์

 

เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9

  • สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช 2539 โขนเรือจำหลักรูปพระนารายณ์ 4  กร ทรงเทพศาสตรา ตรีศูล คทา จักร และสังข์ ทรงเครื่องภูษิตาภรณ์ ใต้ครุฑเป็นช่องสำหรับปืนใหญ่ กลางลำเรือทอดบัลลังลังก์กัญญาและมีแท่นประทับ

เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9

เรือพระที่นั่ง อนันตนาคราช

  • เป็นเรือพระที่นั่งบัลลังก์ในขบวนพยุหยาตราชลมารค สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ลำปัจจุบันมีการสร้างใหม่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) สำเร็จ เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2457  โขนเรือเป็น "พญาอนันตนาคราช" หรือนาค 7 เคียร โดยปกติจะใช้เป็นเรือพระที่นั่งรองหรือเรือเชิญผ้าพระกฐิน หรือประดิษฐานบุษบกสำหรับพระพุทธรูปสำคัญ นับเป็นเรือพระที่นั่งที่มีความงดงามอีกลำหนึ่ง
  • อนึ่ง เคยมีการพิมพ์รูปเรือพระที่นั่งอนันตนาคราชด้านหลังธนบัตร 20 บาท โดยจัดพิมพ์และใช้ตั้งแต่ พ.ศ.ศ. 2514 ปัจจุบันเลิกพิมพ์แล้ว

เรือพระที่นั่ง อนันตนาคราช

เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

  • สร้างขึ้นใหม่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) แล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โขนเรือจำหลักปิดทองเป็นรูปนาคเล็ก ๆ จำนวนมาก ตอนกลางลำเรือมีราชบัลลังก์กัญญา เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

 

เรือรูปสัตว์

เรืออสุรวายุภักษ์

  • เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นรูปครึ่งยักษ์ครึ่งนก  ส่วนบนเป็นยักษ์ ส่วนล่างเป็นนก มีองค์เป็นสีม่วง หัวเรือมีช่องสำหรับติดตั้งปืนใหญ่ 1  กระบอก ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และถูกระเบิดทำลายลงในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 9

เรืออสุรวายุภักษ์

เรืออสุรปักษี

  • เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นรูปครึ่งยักษ์ครึ่งนก ส่วนบนเป็นยักษ์ ส่วนล่างเป็นนก มีองค์เป็นสีเขียว ปิดทองประดับกระจก ภายนอกทาสีดำ เขียนลวดลายดอกพุตตานสีทอง หัวเรือมีช่องสำหรับติดตั้งปืนใหญ่ 1 กระบอก ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และได้รับการซ่อมแซมในสมัยรัชกาลที่ 9

เรืออสุรปักษี

เรือกระบี่ปราบเมืองมาร

  • เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นวานรกายสีขาวเครื่องประดับกายและผ้านุ่งลงรักปิดทองประดับกระจก หัวเรือมีช่องสำหรับ ติดตั้งปืนใหญ่ 1กระบอก ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ก่อนจะถูกระเบิดเสียหาย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เหลือเพียงโขนเรือ โดยซ่อมแซมโขนแสร้างตัวเรือขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2510

เรือกระบี่ปราบเมืองมาร

เรือกระบี่ราญรอนราพณ์

  • เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นวานรกายสีดำ เครื่องประดับกาย และ ผ้านุ่งลงรักปิดทองประดับกระจก หัวเรือมีช่องสำหรับ ติดตั้งปืนใหญ่ 1 กระบอก

เรือกระบี่ราญรอนราพณ์

 

เรือครุฑเหินเห็จ

  • เรือครุฑเหินเห็จ เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นรูปครุฑยุดนาคมีกายสีแดง หัวเรือมีช่องสำหรับติดตั้งปืนใหญ่ 1 กระบอก เดิมเรียกกันว่า "เรือครุฑเหิรระเห็จ" สร้างขึ้นครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 1 และบูรณะใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2505

เรือครุฑเหินเห็จ

 

เรือครุฑเตร็จไตรจักร

  • เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นรูปครุฑยุดนาค มีกายสีชมพู หัวเรือมีช่องสำหรับติดตั้งปืนใหญ่ 1กระบอก สร้างครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 1 ก่อน ถูกระเบิดชำรุดซึ่งกรมศิลปากรเก็บหัวเรือและท้ายเรือไว้ โดยลำปัจจุบันสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ. 2511

เรือครุฑเตร็จไตรจักร

 

 

สุครีพครองเมือง

  • เป็นเรือรูปสัตว์ในประเภทเรือเหล่าแสนยากร โขนเรือเป็นรูปสุครีพ  (ลิงมีฤทธิ์กายสีแดง ตัวละครจากรามเกียรติ์ เป็นน้องชายของพาลี) ปิดทองประดับกระจก ภายในเรือมีสีแดง ภายนอกทาสีดำ  เขียนลวดลายดอกพุตตานสีทอง หัวเรือมีช่องสำหรับ ติดตั้งปืนใหญ่ 1 กระบอก สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ซ่อมแซมอีกครั้งในรัชกาลที่ 9  เมื่อ พ.ศ. 2514

สุครีพครองเมือง

เรือพิฆาต

เรือเสือทยานชล และ เรือเสือคำรณสินธุ์

  • ทั้ง 2  ลำหัวเรือเป็นรูปเสือ มีปืนจ่ารง 1 กระบอก จัดเป็นเรือรบโบราณประเภทเรือพิฆาต ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ทั้ง 2 ลำจะแล่นส่าย โดยเรือเสือทยานชลแล่นส่ายนอกด้านขวาและ เรือคำรณสินธุ์แล่นส่ายนอกด้านซ้าย แม้ไม่ปรากฎหลักฐานที่สร้าง แต่พบว่ามีลักษณะคล้ายคลึง กับรูปวาดเรือพิฆาตในริ้วกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

เรือเสือทยานชล และ เรือเสือคำรณสินธุ์

เรือคู่ชัก

เรือเอกไชยเหินหาว เรือเอกไชยหลาวทอง

  • เป็นเรือคู่ชัก สำหรับใช้ช่วยชักลากเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ในงานพระราชพิธีเมื่อน้ำเชี่ยวหรือต้องการให้เรือแล่นเร็วขึ้น ตลอดจนในกรณีที่ฝีพายไม่เพียงพอ ด้านข้างเรือทั้ง 2 ลำวาดลวดลายเป็นตัวเหราสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่มีรูปร่างส่วนบนเป็นนาค ส่วนล่างเป็นมังกร สำหรับเรือเอกไชยเหินหาว สร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 1 ก่อนถูกระเบิดได้รับความเสียหายในสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือลำปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2508

เรือเอกไชยเหินหาว เรือเอกไชยหลาวทอง

เรือประตู

เรือทองขวานฟ้า และเรือทองบ้าบิ่น

  • เรือทองขวานฟ้า และ เรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้าคู่แรกในขบวนพยุหยาตราชลมารค เรือลำเดิมทั้ง 2 ลำ ไม่พบหลักฐานการสร้าง แต่ตัวเรือได้รับความเสียหายจากระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือและท้ายเรือรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ ก่อนที่จะสร้างตัวเรือขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2507 โดยใช้หัวเรือเดิมและได้แกะสลักลวดลาย คาดหัว-ท้ายเรือ ปิดทองประดับกระจกพร้อมกับจัดทำเครื่องตกแต่งเรือใหม่

เรือทองขวานฟ้า และ เรือทองบ้าบิ่น

 

เรือกลอง

เรืออีเหลืองและเรือแตงโม

  • จัดเป็นเรือกลองในขบวนพยุหยาตราชลมารค มีปี่ชวาและ กลองแขกสำหรับบรรเลงลำละ 6  นาย โดยเรืออีเหลืองจะอยู่หน้าสุดของริ้วสายกลาง เป็นเรือสำหรับรองผู้บัญชาการของขบวนเรือ ส่วนเรือแตงโม อยู่ในริ้วกลางหรือริ้วที่ 3 หน้าเรือพระที่นั่ง เป็นเรือสำหรับผู้บัญชาการของขบวนเรือ

เรืออีเหลืองและเรือแตงโม

เรือตำรวจ

  • มีลักษณะคล้ายเรือแตงโมและเรือดั้ง ไม่ปรากฏหลักฐานที่สร้าง มีพระตำรวจหลวง ชั้นปลัดกรมหรือข้าราชการในพระราชสำนักที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ นั่งประจำ 3 ลำ

เรือตำรวจ

เรือดั้ง

  • ทำหน้าที่ป้องกันกระบวนเรือหน้า ไม่พบหลักฐานที่สร้าง ในปี พ.ศ. 2506 กรมอู่ทหารเรือต่อเรือดั้ง 6 ขึ้นใหม่ มีการซ่อมใหญ่ในปี พ.ศ. 2524 เรือดั้ง เป็นเรือไม้ทาสีน้ำมัน ไม่มีลวดลาย ปัจจุบันหัวเรือปิดทอง มี 22 ลำมีชื่อเรียกตามลำดับตั้งแต่ เรือดั้ง 1 ถึงเรือดั้ง 22

เรือดั้ง

เรือแซง

  • คือเรือกราบ เป็นเรือเล็กและเร็ว จัดเป็นเรืออารักขาพระมหากษัตริย์ ไม่พบหลักฐานที่สร้างมี 7 ลำ มีชื่อเรียกตามลำดับตั้งแต่ เรือแซง 1 ถึงเรือแซง 7

เรือแซง

 

เรือพระราชพิธี 52 ลำ

เรือพระราชพิธี 52 ลำ ในการพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ประกอบด้วย เรือพระราชพิธี จํานวน 52 ลํา ดังนี้

  •  เรือพระที่นั่ง 4 ลำ เรือสุพรรณหงส์ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 เรืออนันตนาคราช เรืออเนกชาติภุชงค์
  •  เรือรูปสัตว์ 8 ลำ เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือพาลีรั้งทวีป และเรือสุครีพครองเมือง
  •    เรือพิฆาต 2 ลำ เรือเสือทยานชล และ เรือเสือคำรณสินธุ์
  •   เรือคู่ชัก 2 ลำ เรือเอกไชยเหินหาว และ เรือเอกไชยหลาวทอง
  •  เรือประตู 2 ลำ เรือทองขวานฟ้า และ เรือทองบ้าบิ่น
  •    เรือกลอง 2 ลำ เรืออีเหลือง และ เรือแตงโม
  •   เรือตำรวจ 3 ลำ
  •    เรือดั้ง 22 ลำ
  •   เรือแซง 7  ลำ

เรือพระราชพิธี 52 ลำ

 

สำหรับการจัดรูปขบวนเรือพระราชพิธี จํานวน 52  ลํา แบ่งออกเป็น 5 ริ้ว 3  สาย ดังนี้

  •  ริ้วสายกลาง ซึ่งเป็นเรือสายสำคัญประกอบด้วยเรือพระที่นั่ง 4 ลำ มีเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้มีเรืออีเหลืองเป็นเรือกลองนอก เรือแตงโมซึ่งเป็นเรือของผู้บัญชาการขบวนเรือเป็นเรือกลองใน พร้อมด้วยเรือตำรวจนอก และเรือตำรวจ รวมทั้งสิ้น 10  ลำ

  •  ริ้วสายใน ขนาบข้างสายเรือพระที่นั่งมีเรือทองขวานฟ้าและเรือทองบ้าบิ่นเป็นเรือประตูหน้าเรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์เป็นเรือพิฆาต เรือรูปสัตว์ 8  ลำ และปิดท้ายริ้วสายในด้วยเรือเอกไชยเหินหาวและเรือเอกไชยหลาวทองซึ่งเป็นเรือคู่ชัก รวมทั้งสิ้น 14 ลำ

  •   ริ้วสายนอก ประกอบด้วยเรือดั้งและเรือแซง สายละ 14 ลำ รวมทั้งสิ้น 28 ลำ.

ที่มา: พระลาน