จากกรณีที่กลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณริมคลองบางแพรก ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า พบการสร้างท่าเทียบเรือถาวร บริเวณข้างประตูระบายน้ำปากคลองบางแพรก ข้างกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะท่าเรือดังกล่าวอยู่นอกแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้น
วันนี้ (30 มิ.ย.64) ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านคลองบางแพรก ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้แจ้งความคืบหน้าว่า หลังจากที่ได้ร้องเรียนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กลุ่มชาวบ้านเพิ่งได้รับคำตอบจากผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่า จ.นนทบุรี ว่า ได้อนุญาตให้มีการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 20 ตันกรอส ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปากคลองบางแพรก ดังกล่าวจริง และเทศบาลนครนนทบุรีก็ได้ออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร (อ.1) ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ค.63 แล้ว อย่างไรก็ตามชาวบ้านยังติดใจว่า มีการอนุญาตให้การก่อสร้างลักษณะนี้ได้อย่างไร เพราะเป็นการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ล่วงล้ำเข้าไปในลำน้ำสาธารณะอย่างชัดเจน อีกทั้งบริเวณนั้นยังใกล้กับประตูระบายน้ำปากคลองบางแพรก อาจส่งผลกีดขวางเส้นทางระบายน้ำ ทำให้ประชาชนที่อยู่ริมคลองบางแพรกหลายร้อยครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนอีกด้วย
ตัวแทนชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ที่ดินที่มีการสร้างท่าเทียบเรืออาจเป็นของนักการเมืองระดับชาติรายหนึ่ง ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ติดกับที่ดินผืนดังกล่าว อาจมีการใช้อิทธิพลทางการเมืองเพื่อให้ได้รับการขออนุญาตหรือไม่ด้วย ทั้งนี้มีการหารือในกลุ่มชาวบ้านว่า อาจต้องหาช่องฟ้องศาลเพื่อให้มีการระงับและยกเลิกการก่อสร้าง รวมทั้งร้องเรียนองค์กรอิสระให้ตรวจสอบว่าการอนุญาตถูกต้องหรือไม่ต่อไป
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า ละแวกใกล้เคียงกับจุดที่ชาวบ้านร้องเรียนมานั้น เป็นบ้านพักของ นายสุชาติ ตันเจริญ นักการเมืองชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บ้านริมน้ำ”
เมื่อติดต่อสอบถามนายสุชาติถึงกรณีดังกล่าวก็ได้รับการเปิดเผยว่า ที่ดินและท่าเทียบเรือดังกล่าวไม่ใช่ของตน และยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือรู้จักเจ้าของแต่อย่างใด รวมทั้งก่อนหน้านี้ได้มีประชาชนเข้าร้องเรียนตนเกี่ยวกับการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว ซึ่งตนก็ได้ประสานสอบถามไปยังกรมเจ้าท่า, เทศบาลนครนนทบุรี และทางผู้ว่าราชการ จ.นนทบุรี เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน เพราะส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะมีการอนุญาตก่อสร้างลักษณะนี้ได้ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากที่ตนสอบถามไป ก็ไม่ได้มีการสั่งระงับการก่อสร้าง และดูเหมือนจะเร่งมือก่อสร้างอย่างผิดปกติด้วย
“โดยปกติผมก็มักโดยสารทางเรือจากบ้านพักเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ที่รัฐสภาเกียกกายเป็นประจำ ซึ่งในส่วนพื้นที่ของผมก็ขออนุญาตเพียงแค่โป๊ะเทียบเรือเพื่อใช้ขึ้นลงเรือเท่านั้น มองว่าการก่อสร้างท่าเทียบเรือถาวรเช่นนั้นไม่น่าทำได้ ทั้งนี้จะพยายามประสานตรวจสอบเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน จนกว่าจะได้รับคำตอบต่อไป” นายสุชาติ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง