ภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษา สั่งจำคุกตลอดชีวิต นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีสรรพากร กับสรรพากรเขต 22 ร่วมกันทุจริตคืนเงินภาษีกว่า 3 พันล้านบาท ให้แก่ 25 บริษัท และให้ร่วมกันชดใช้เงินทั้งหมดคืนกรมสรรพากร ยึดทองคำแท่ง 77 กิโลกรัม เข้าแผ่นดิน
วันนี้ (20 ส.ค.64) ดร.มานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
ความเห็นคดีอดีตอธิบดีสรรพากรโกงภาษี 4.3 พันล้านบาท ชี้ให้เห็นข้อดีของ
1.ระบบที่เข้มแข็งในกระบวนการพิจารณาคดีของศาลคอร์รัปชัน
2.ความมุ่งมั่นของกรรมการ ป.ป.ช.เจ้าของคดี จนฝ่าฟันอุปสรรคมาได้
คดีนี้สะท้อนความเลวร้ายของขบวนการโกงภาษีโดย “กลุ่มอิทธิพล” ที่คดโกงร่วมกันเป็นระบบ-เครือข่าย สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองปีละหลายหมื่นล้านบาท
แต่บทสรุปที่สำคัญที่สุดคือ "อย่าไว้ใจตัวบุคคล ต้องเชื่อมั่นในระบบและการตรวจสอบที่ดี" เพราะเรื่องที่คิดว่า "โกงไม่ได้" ก็ถูกโกงให้เห็นแล้ว โดยคนที่มีหน้าที่รักษาภาษีของแผ่นดินเป็นผู้ลงมือเสียเองด้วย
ปัจจุบันกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้ยังมีอยู่อีกมาก มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการในหน่วยจัดเก็บภาษี และคนที่ทำตัวเป็นผู้ประกอบการ หรือเป็นผู้ประกอบการจริง
กรมศุลกากร เป็นหน่วยงานที่เกิดความเสียหายมากที่สุด ตามที่งานวิจัยหลายเรื่องระบุไว้