วันที่ 8 ธันวาคม 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โต้กลับ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่อ้างว่าโครงการจะนะ ผ่านความเห็นชอบ ครม.และนายกรัฐมนตรีได้ลงนาม ไปแล้วว่า ต้องย้ำให้เข้าใจครั้ง ว่าการที่ให้ลงไปพื้นที่ครั้งที่แล้ว คือการไปหาข้อมูล ไม่ได้เป็นมติ ครม. ขอให้เข้าใจด้วย ครม.เพียงแต่รับทราบสิ่งที่ประชาชนต้องการ ซึ่งจะต้องใช้กฏหมาย และต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะโครงการยังไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ ทุกอย่างต้องทำประชาพิจารณ์ให้ถูกต้อง ถ้าประชาชนเห็นชอบก็ทำได้ ถ้าไม่ได้ก็อยู่แบบเดิม รัฐบาลมีแต่นโยบาย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน ว่าโครงการจะทำได้หรือไม่ ใครที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ในพื้นที่ ก็ไปว่ากัน ทุกอย่างต้องดูกฏหมาย เรื่องจะนะขอให้จบเสียที
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ครม.ไม่ได้รับทราบ และไม่ใช่การลงนาม MOU แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องมา เพราะการลงนาม MOU ต้องเข้า ครม. อนุมัติให้ความเห็นชอบ เหตุการณ์นี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว จำได้ว่าเป็นการเพื่อทราบ แนวทางและปัญหาอยู่ตรงไหนต้องไปติดตาม ซึ่งทั้งหมดยังติดเรื่องปัญหาการทำประชาพิจารณ์ และการปรับสีของพื้นที่ จะแก้เองไม่ได้ โดยจะต้องกลับไปเริ่มต้นที่ ศอ.บต. เพื่อทบทวนให้ถูกต้องตามกฏหมาย ตามที่ประชาชนต้องการ กรมโยธาธิการและผังเมือง จะเปลี่ยนสีโซนพื้นที่เองไม่ได้ ถ้าประชาไม่เห็นชอบ รวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขอให้ไปคิดเอาว่าอะไรเกิดประโยชน์หรือไม่เกิดประโยชน์ เพราะเป็นผลประโยชน์โดยรวมของคนในพื้นที่ด้วย
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ไม่ได้มีการพูดคุยถึงกรณีกลุ่มคัดค้านอุตสาหกรรมจะนะ อีกทั้ง ตนจำรายละเอียดไม่ได้ ว่าครม.เคยมีมติอย่างไร เพราะเรื่องมีมานานแล้ว ส่วนการทำ MOU นั้นจะมีผลผูกพันธ์กับรัฐบาลและมีผลทางกฎหมายอยู่ในระดับหนึ่ง ตามเนื้อความของ MOU นั้น ซึ่ง Memorandum Of Understanding คือการทำความเข้าใจว่าจะทำขั้นตอนต่อไปอย่างไร เป็นการบันทึกความเข้าใจ ไม่ใช่ contract หรือ agreement โดยส่วนใหญ่การทำ MOU ส่วนใหญ่จะต้องมีขั้นตอนต่อไป มีการระบุว่าจะต้องทำในวันหน้าอีกฉบับหนึ่งเสมอ
ส่วนกรณีที่ร้อยเอกธรรมนัส เคยรับผิดชอบในเรื่องนี้ เคยระบุไว้ว่าคณะรัฐมนตรีได้รับทราบแล้วนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ซึ่งการที่จะพูดคุยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะต้องไปดูว่ามีรายละเอียดอย่างไรแค่รับทราบ หรือว่าอะไร
นายวิษณุ ยังระบุอีกว่า ไม่ทราบว่าขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการอย่างไร หลังนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งกรณีนี้แตกต่างกับกรณีร้อยเอกธรรมนัส เพราะเป็นการสั่งการให้ดูแลอย่างชัดเจน มีการแต่งตั้งเป็นทีมงาน มีรายชื่อชัดเจน แต่กรณีของนายอนุชา ตนทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ ตนไม่ทราบ อีกทั้งนายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อาจจะไปเขียนคำสั่งข้างนอกหรือเปล่าตนไม่รู้