“อุตตม”นำทีมสร้างอนาคตไทย เปิดตัว 3 ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์

วันนี้(14 พ.ค.65) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ประธานภาคใต้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค ได้เข้าพบนักธุรกิจจากหลายกลุ่มอาชีพ สมาชิกสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช เพื่อแลกเปลี่ยนรับฟังข้อมูล ที่ห้องประชุมชั้น 2  โรงแรมแกรนด์เซาเทิร์น อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

            
โอกาสนี้ได้เปิดตัว 2 ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช คือ นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีเป้าหมายสมัครในพื้นที่ย่านอำเภอทุ่งสงและใกล้เคียง และ น.ส.วาริน  ชิณวงศ์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช  นักธุรกิจผลิตและจำหน่ายส้มโอทับทิมสยามรายใหญ่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช

โอกาสนี้ พรรคสร้างอนาคตไทย ยังได้เปิดตัว นายเธียรทัศน์ เอี่ยมตระกูล ลูกชาย “ธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้สมัครส.ส. สุราษฎร์ธานี เขต 1
 

นายอุตตม กล่าวถึงความพร้อมในการเตรียมผู้สมัครในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้พรรคอยู่ระหว่างการคัดเลือกคนที่มีคุณภาพสูงสุดและมีความเหมาะสมในทุกด้านมาทำงานให้กับประชาชน 

                  
 

และขอยืนยันชัดเจนว่าพรรคสร้างอนาคตไทยไม่ใช่ตัวแทน และร่างทรงของใคร แต่เป็นพรรคที่เสนอตัวมาทำงาน ไม่ข้องแวะและเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ เพื่อซ้ำเติมประเทศชาติที่มีปัญหาอย่างมากในขณะนี้ แต่มุ่งมั่นที่จะมาฟื้นเศรษฐกิจและร่วมกันวางรากฐานที่เข้มแข็งให้กับอนาคตของประเทศอย่างยั่งยืน ฝ่ายการเมืองต้องขับเคลื่อนประเทศ ตามหน้าที่ของตัวเองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล 

“เราเชื่อว่าเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง สมาชิกพรรคเรามากันจากหลายทาง หลายพรรค ในพรรคไม่ได้มีฝ่ายการเมือง แต่ยังมีภาคประชาชน ผู้ประกอบการ เอกชน ที่เข้ามาร่วมมือกัน พรรคมุ่งมั่นมาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งเราเชื่อว่าเราทำงานได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนแล้วว่าต้องการเห็นอะไร แต่มั่นใจว่าประชาชนทั่วไปมองว่าจะก้าวข้ามปัญหาได้ถ้าการเมืองสร้างสรรค์”

                           

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคขอเป็นทางเลือกทางออกให้กับพี่น้องชาวใต้ ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยได้รวมบุคคลและนโยบายที่เป็นทางออกของประเทศไทย และมั่นใจว่าวันนี้พี่น้องประชาชนกำลังมองหาพรรคการเมืองที่จะฝากอนาคตของลูกหลานได้ พรรคไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่แข่ง แต่เสนอตัวพรรคและผู้สมัครที่ดีที่สุดเพื่อให้พี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสินใจ

“แต่ผมเคยบอกว่าในฐานะเราคนใต้เราต่างรู้ดี ก่อนที่ผมจะออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมเคยบอกว่าประชาธิปัตย์ฟื้นเมื่อปักษ์ใต้ฟื้น ไม่ต้องไปดูภาคอื่น ตัวชี้วัดของประชาธิปัตย์อยู่ที่ภาคใต้ เราคนปักษ์ใต้เราลองถามใจตัวเองดูว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ฟื้นหรือยัง ถ้าได้คำตอบในใจเราว่าประชาธิปัตย์ยังไม่ฟื้น นั่นคือยังไม่ฟื้น และถ้าถามความเห็นผม ผมว่ายังไม่ฟื้น”

                                       

 

นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า คนปักษ์ใต้ต้องเริ่มทบทวนว่าที่ผ่านมา ถ้าได้เลือกพรรคที่ดีที่สุดแล้วก็ไม่มีปัญหา แต่ขณะนี้ ตนมีความรู้สึกว่าภาคใต้ต้องดีกว่านี้ ต้องเปลี่ยนภาคใต้ให้ถึงรากโดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ปากท้อง และเศรษฐกิจ ฉะนั้นตนเชื่อว่าประชาชนเริ่มมองหาพรรคการเมืองที่จะตอบสนองปัญหาและความต้องการของพวกเขาได้ และคิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคใต้

นายเธียรทัศน์ เอี่ยมตระกูล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 กล่าวว่า  ที่ตัดสินใจลงสมัครกับพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะทีมผู้บริหารของพรรค เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ซึ่งตนเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง ก็ตัดสินใจไม่ยากที่จะร่วมงานกับทีมบุคลากรคุณภาพระดับนี้ ตนเกิดและเติบโตที่นี่ ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ดังนั้น ตนจึงมีความคิดที่จะนำนโยบายของพรรคมาทำงานให้บ้านเกิดให้เดินไปข้างหน้าตามยุทธศาสตร์ของพรรคที่จะช่วยให้คนใต้หายจน

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้งและกลับมาเป็นแกนนำจัดรัฐบาล พรรคจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ นายอุตตม ตอบว่า ตรงนี้ต้องดูการตัดสินใจของประชาชน การจะไปพูดก่อนว่าจะทำอย่างไรนั้น ยังเร็วเกินไป วันนี้ขอมุ่งเน้นแนวทางการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ต้องรอดูคำพิพากษาของพี่น้องประชาชน ณ วันนั้นเป็นอย่างไร ไว้วางใจใคร 

                                
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หรือไม่ นายอุตตม ยืนยันว่า ทั้งตน และ นายสนธิรัตน์ ได้ประกาศชัดเจนต้องแต่วันประกาศก่อตั้งพรรคแล้วว่า พรรคมีคนของพรรคที่จะชูเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคอันดับ 1 คือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งไม่ใช่ พล.เอก ประยุทธ์ เพราะไม่ได้อยู่ในพรรค ซึ่งวันนี้ก็ยังยืนยันความคิดนี้เหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย  โพสต์เฟซบุ๊ก ภายหลังลงพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ นครศรีธรรมราช  เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน นำมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคสร้างอนาคตไทย รวมทั้งถือโอกาสแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. ในพื้นที่ให้กับพี่น้องประชาชนได้รู้จักด้วย

สำหรับพื้นที่นครศรีธรรมราช ตนและคณะได้เดินทางไปที่สถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร ต.เขาโร อ.ทุ่งสง ซึ่งตนเคยเดินทางไปเยือนครั้งหนึ่งแล้วเมื่อต้นปี 2563 พร้อมกับอาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ การเดินทางมาครั้งนี้ จึงเป็นการกลับไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่อีกครั้ง เพื่อถามไถ่ถึงความก้าวหน้าของสถาบันการเงินชุมชนแห่งนี้ จากที่ผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี

ผมได้พูดกับทีมงานว่า บ้านวังไทร คือต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และวันนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นไปอย่างที่ผมคิดจริงๆ สะท้อนได้จากกิจการของสถาบันการเงินชุมชนแห่งนี้ ปัจจุบันมีสินทรัพย์เงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 418 ล้านบาท จากเมื่อปี 2563 มีไม่ถึง 400 ล้านบาท 

แม้ว่าที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าการระบาดโควิดส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจเราอย่างรุนแรง แต่สถาบันการเงินชุมชนแห่งนี้กลับเติบโตได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนสะท้อนความต้องการกับพรรคสร้างอนาคตไทย คือ ต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขา แม้จะโดดเด่นมีอัตลักษณ์ แต่ยังต้องมีการพัฒนาอีกหลายๆด้าน โดยเฉพาะการตลาดการขายที่ยังอยู่ในชุมชนหรือพื้นที่ใกล้เคียงเป็นส่วนใหญ่  จะทำอย่างไรให้ขยายตลาดออกไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ จะได้มีรายได้มาสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่านี้

 
พรรคสร้างอนาคตไทยมีนโยบายหลัก คือการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานราก ซึ่งเป็นข้อแรกของนโยบาย 5 สร้าง ที่พรรคฯได้ประกาศไปแล้ว และยังมีทีมงานที่มีความเข้าใจและทำเรื่องนี้มาโดยตลอด เราเข้าใจดีว่าการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความใส่ใจทำในทุกรายละเอียด ใช้แนวคิด เติมในสิ่งที่ขาดต่อยอดในสิ่งที่มี ให้ดียิ่งขึ้น

ภายหลังได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร และรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตนและทีมงานพรรคสร้างอนาคตไทย เชื่อมั่นว่า #สถาบันการเงินชุมชน คือจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างรากฐานเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง ซึ่งเราจะมีนโยบายพัฒนาต่อยอดเรื่องนี้ออกมาในอนาคต โดยใช้พื้นที่บ้านวังไทร ต.เขาโร แห่งนี้เป็นโมเดล เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากขยายไปทั่วทั้งภาคใต้ และภาคอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป