ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเป็นห่วงหนี้ครัวเรือนประเทศไทย ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งล่าสุดสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ เปิดข้อมูลไตรมาสสี่ของปี 2564 พบว่า สูงถึง 14.58 ล้านล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน 90.1 % ต่อจีดีพี
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 89.7% ต่อจีดีพี สัญญาณเช่นนี้สะท้อนว่า รายได้ครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัว แม้รัฐบาลจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปหลายอย่าง
แต่สุดท้ายยังไม่ได้มุ่งไปที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้กับประชาชน จึงต้องทบทวนนโยบายใหม่ จะออกนโยบายหว่านแห่ไม่ได้อีกแล้ว การช่วยเหลือต้องจำเพาะเจาะจงไปที่กลุ่มที่เดือดร้อนจริง
รวมถึงต้องมองไปข้างหน้า เพื่อรองรับการเปิดประเทศ ด้วยการช่วยรีสตาร์ตธุรกิจท่องเที่ยว ให้เขากลับมามีลมหายใจอีกครั้ง มีมาตรการดูแลด้านการควบคุมโรคและระบบสาธารณสุขที่ดี เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจ ในการเดินทางมาประเทศ
“หลายสถาบันออกมาหั่นจีดีพี ปี 65 ต่ำสุดอยู่ที่ 2.5 โดยไตรมาสแรกของปีนี้ ขยายตัวอยู่ที่ 2.2 % ผมไม่ค่อยห่วงจีดีพีของประเทศ แต่ห่วงจีดีพีของประชาชน ที่ส่อเค้าติดลบต่อเนื่อง ยาวนาน ในขณะที่ข้าวของแพง ค่าแรงขึ้นต่ำ โจทย์ใหญ่ต่อจากนี้ของรัฐบาลจึงต้องคิดว่า จะสร้างรายได้ให้ประชาชนอย่างไร
การเติมเงินให้ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ควรพ่วงเนื้องานเชิงสาธารณะไปด้วยหรือไม่ รวมถึงเพิ่มเงินไปด้วย ใช้เงินรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยงานที่จ้างควรเป็นงานที่คนชนบทหรือคนจนเมืองทำได้ เพื่อให้คนเหล่านี้มีงานทำ แทนที่จะเป็นการแจกฟรี
เป็นอีกโมเดลหนึ่งที่ผมคิดว่า รัฐบาลต้องคิดอย่างจริงจังได้แล้ว และขอให้เพิ่มมาตรการป้องกันอาชญากรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชานชนด้วย” ศ.ดร.กนก กล่าว