วันที่ 5 ก.ย.2565 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค แถลงกรณีที่ นายกรณ์ จาติกวณิช ลาออกจากพรรคกล้าไปร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนา ว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจที่มีการนำเสนอว่า นายกรณ์ ทิ้งทีมงาน ขอย้ำว่าตนรู้จักนายกรณ์มา 15 ปี เค้าไม่ใช่คนแบบนั้น แต่เป็นคนที่คิดแต่อยากจะเห็นการเมืองใหม่ ทุกคนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่มีปัญหา
ส่วนนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้า ก็ได้ลาออกตามไปแล้วเช่นกัน ทั้งนี้สถานะพรรคกล้ายังมีความเป็นพรรคการเมือง และดำเนินกิจกรรมต่อ ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการจัดประชุมใหญ่ เพื่อปรับโครงสร้างพรรค
โดยวันนั้นจะยืนยันกับสมาชิกพรรคว่า พรรคยังมีอุดมการ มีดีเอ็นเอพรรคกล้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งความสำคัญของพรรคอยู่ที่บุคคล พลังงานและยังคงเดินหน้าติดตามประเด็นสำคัญอย่างเรื่องพลังงาน ค่าไฟแพง เร่งแก้หนี้ 13 ล้านบัญชี และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตัดอำนาจสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งพรุ่งนี้โฆษกพรรคจะไปชี้แจงในที่ประชุมสภา
นายอรรถวิชช์ ย้ำว่า การที่นายกรณ์ไปร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนา ไม่ใช่การควบรวมพรรคการเมือง เพราะกฎหมายไม่ให้ควบรวมกับพรรคที่มี ส.ส. ในสภา ดังนั้นต้องลาออกแล้วไปสมัครพรรคใหม่เท่านั้น ซึ่งทุกอย่างทำตามกฎหมายและตรงไปตรงมา ส่วนจะมีใครตามไปบ้างขึ้นอยู่กับความสมัครสมัครใจของสมาชิกแต่ละคน ตนตอบแทนไม่ได้
สำหรับอนาคตของตัวเองนั้น นายอรรถวิชช์ บอกว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคกล้า ถามว่าใจหายหรือไม่ ก็ขอตอบว่าไม่ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงมีผลในแง่บวก วันนี้ที่แถลงข่าวพวกเราก็ยังยิ้มอยู่ ซึ่งช่วงสิ้นเดือนนี้น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น แล้วทุกคนจะเข้าใจ พร้อมย้ำว่าเราจะไม่ทำอะไรที่ผิดจากความตั้งใจเดิม ที่อยากเห็นการเมืองเปลี่ยนแปลงและมีแต่เข้มแข็งขึ้น
นายอรรถวิชช์ ยังคาดหวังว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องมี ส.ส.เข้าสภาให้เยอะสุด เพื่อความเปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมานักการเมืองที่ได้เข้าไปทำหน้าที่ ไม่ได้พูดความเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องพลังงานที่ประชาชนต้องแบกรับต้นทุน แต่เรากล้าพูด
ส่วนกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จะไปยื่น กกต. ให้สอบสวนกรณีพรรคชาติพัฒนา ครอบงำและแทรกแซงพรรคกล้า พร้อมให้ยุบพรรคชาติพัฒนานั้น นายอรรถวิชช์ บอกว่า นายศรีสุวรรณไม่เข้าใจข้อกฎหมาย เพราะนายกรณ์ ได้ยื่นลาออกจากพรรคกล้า ก่อนไปร่วมแถลงข่าวกับนายสุวัจน์ แล้ว และนายกรณ์ก็ย้ำว่ามาในฐานะส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้นจึงไม่ใช่การครอบงำแทรกแซง