พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าบุหรี่ไฟฟ้า ไทย-มาเลเซียรายใหญ่ ยึดของกลางได้มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท
สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า มาจำหน่ายผ่านออนไลน์
ซึ่งเป็นการขายสินค้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9 /2558 เรื่องห้ามขาย หรือห้ามให้บริการ “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า”ลง 28 มกราคม 2558
ดังนั้น ทางสคบ.ประสานความร่วมมือกับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. สืบสวนตรวจสอบ ทราบว่ามีการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมากจากต่างประเทศ มาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่เพจเฟซบุ๊ก “thisissaltsofficia” และผ่านเว็บไซด์ www.thisissalts.com และอินสตราแกรม
โดยใช้วิธีขนส่งผ่านทาง ไปรษณีย์ไทย อำพรางเป็นพัสดุไปรษณีย์ซึ่งสำแดงเป็นผลิตภัณฑ์อื่น จากอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ส่งมาที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จึงเปิดปฏิบัติการ “ทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าไทย-มาเลเซียรายใหญ่”เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
สามารถจับกุม นายสันติ อายุ 23 ปี ผู้ที่ไปรับพัสดุที่ทำการไปรษณีย์หนองแค พบของกลาง น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวนประมาณ 64,000 ชิ้น รวมมูลค่า 13 ล้าน 5 แสนบาท
นายสันติ รับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นางสาวมิกซ์ ให้มารับพัสดุยังที่ทำการไปรษณีย์หนองแค เพื่อนำไปส่งที่ บ้านหลังหนึ่งในตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
จากนั้นตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสระบุรี ออกหมายค้น เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 160,000 ชิ้น มูลค่า 37 ล้านบาท พบว่าบ้านหลังดังกล่าวใช้เป็นสถานที่เก็บบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับจำหน่ายผ่านทางออนไลน์
จากการสืบสวนขยายผลพบว่ายังมีบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าอีกจำนวนหนึ่ง จะส่งไปที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี แต่ระหว่างทางการขนส่งนั้น พัสดุดังกล่าวอยู่ที่ศูนย์ไปรษณีย์พระนครศรีอยุธยา เพื่อรอนำจ่าย ตำรวจจึงไปตรวจสอบพบว่า พัสดุดังกล่าว ระบุชื่อผู้รับคนเดียวกันกับพัสดุที่ยึดได้ที่ไปรษณีย์หนองแค ก่อนหน้านี้
เมื่อตรวจสอบพัสดุก็พบว่ามีน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า , อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า (Pod) กว่า 3 หมื่นชิ้น มูลค่า 7,500,000 บาท จึงอายัด ของกลางทั้งหมดไว้
นอกจากนี้ยังพบว่า มีการขนส่งบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าล็อตใหญ่ โดยการส่งพัสดุผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทย สาขาหลักสี่ ซึ่ง จากการตรวจสอบพบของกลางอีกเป็นจำนวนมาก
สรุปผลการปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้เข้าตรวจค้นจับกุมทั้งหมด 4 จุด สามารถตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่า 80 ล้านบาทด้วยกัน