เลื่อนอ่านฎีกา คดี “ธาริต” แจ้งข้อหามิชอบ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" สั่งฆ่า ปชช.ปี 53

09 ธ.ค. 2565 | 07:55 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ธ.ค. 2565 | 15:45 น.

ศาลอาญา เลื่อนอ่านฎีกา คดี “ธาริต”กับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย “อภิสิทธิ์ –สุเทพ” สลายม็อบ นปช. เป็น 2 ก.พ.66 ส่วน “ธาริต” ไม่มาอ้างป่วยนิ่วในไต ต้องผ่าตัดพักฟื้น 4 เดือน

วันที่ 9 ธ.ค. 2565 ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 6 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ในฐานะพนักงานสอบสวน

ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน
 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

 

ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง

 

กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 54 -13 ธ.ค.55 จำเลยทั้ง 4 ในฐานะพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษทางอาญา จากการที่ ศอฉ. ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 

 

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี  โดยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 แต่โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเห็นว่าจำเลยทั้งสี่ กระทำผิดตามฟ้องให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

 

แต่จำเลยทั้ง 4 คน ยื่นฎีกา และยื่นคำร้องอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในคดีขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ และทนายความยื่นใบรับรองแพทย์อ้างว่า นายธาริต ป่วย  รวมทั้ง นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในฐานะผู้เสียหายในคดีด้วย
 

 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี

 

ต่อมาเวลา 12.15 น.ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณานัดฟังคำพิพากษา หรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลย 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3-4 และในฐานะผู้รับ มอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้ง 4 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มา

 

ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไต ทั้งด้านซ้ายและ ด้านขวา มีอาการปวดอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาพร้อมปัสสาวะ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยการผ่าตัดนิ่วทั้งสองข้าง ใช้เวลารักษารวม 4 เดือน

 

และจำเลยที่ 1ได้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีขึ้น พิจารณาใหม่เป็นคดีหมายเลขดำ ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างไต่สวน ซึ่งหากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดี อาจมีผลต่อการใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ทั้งในคดีนี้ได้มีญาติของผู้เสียชีวิตบางรายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ ฝ่ายที่ 3 แต่ยังอยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเหตุจำเป็นทั้งหมดจำเลย ที่ 1 จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปสักนัด ตามคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่ 7 ธ.ค.65 สำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้ว

 

ส่วนทนายโจทก์ที่ 1-2 แถลงว่า คดีนี้มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายนัด ประกอบกับญาติของผู้เสียชีวิต ซึ่งยื่นคำขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม สามารถยื่นคำร้องดังกล่าวเข้ามาในคดีได้ ก่อนมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด เหตุการณ์ตามฟ้องมีผู้เสียชีวิตมากถึง 99 คน

 

หากมีการยื่นคำร้องเข้ามาเรื่อยๆ อาจทำให้ต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกหลายนัด เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทำให้ศาลชั้นต้นไม่อาจสั่งคำร้องต่างๆ ที่ยื่นมาใน ระหว่างนี้ได้ เป็นเหตุให้คดีล่าช้า หากให้ศาลฎีกาเป็นผู้อ่านคำพิพากษาเองจะเป็นการสะดวกและ รวดเร็วยิ่งกว่า

 

ส่วนอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ยังมีคำร้องหลายฉบับที่อยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้าน ศาลนี้จึงยังไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง หากศาลฎีกามีคำสั่งประการ ใดอาจส่งผลต่อดุลพินิจในการทำคำพิพากษาคดีนี้ได้ กรณีมีเหตุจำเป็นไม่อาจอ่านคำพิพากษาศาล ฎีกาไปในวันนี้ได้

 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

 

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเร่งรัดคดีให้สามารถอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้ โดยเร็ว จึงเห็นสมควรให้คู่ความทุกฝ่ายรับสำเนาคำร้องต่างๆ ในสำนวนไปในวันนี้ หากบุคคลใด ประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลภายในวันที่ 5 ม.ค.หากไม่ยื่นภายใน กำหนดให้ถือว่าไม่ติดใจยื่นอีก และให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสำนวนพร้อมคำร้องทั้งหมดส่งศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งโดยเร็ว

 

ทั้งนี้ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ปรากฏว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาอีกครั้ง อ้างว่าป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประกอบกับมีประเด็นญาติผู้ตายจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 ยื่นคำร้องเข้ามาหลายราย

 

ศาลจึงกำหนดมาตรการว่า ใครจะยื่นคำร้องอะไรให้ยื่นเสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 ม.ค.2566  หลังจากนั้นจะส่งไปยังศาลฎีกา พร้อมกับนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 2 ก.พ.2566 เวลา 09.00 น. นอกจากนี้ศาลได้กำชับเรื่องอาการป่วยของ นายธาริต จำเลยที่ 1 ว่าครั้งหน้าถ้ามีปัญหาแบบนี้อีก ศาลจะใช้ดุลยพินิจและมีคำสั่ง ทำให้วันนี้ ( 9 ธ.ค.65 ) จำเป็นต้องเลื่อนคำพิพากษาออกไปก่อน จึงยังไม่มีคำสั่งใดๆ